คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ที่ดินที่ถูกยึดมีตึกแถว3ชั้น2คูหาและห้องแถวไม้เก่าๆชั้นเดียวจำนวน8ห้องปลูกอยู่แต่จำเลยทั้งสองได้ใช้ตึกแถว2คูหาเป็นที่อยู่อาศัยและเก็บฟิล์มภาพยนต์เตรียมไปฉายต่างจังหวัดไม่ได้ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมและกสิกรรมจำเลยทั้งสองมีรายได้จากการให้เช่าฟิลม์ภาพยนต์แสดงว่าตัวอสังหาริมทรัพย์นั้นเองในปัจจุบันมิได้มีรายได้ประจำปีจากการประกอบอุตสาหกรรมพาณิชยกรรมหรือกสิกรรมของลูกหนี้ตามคำพิพากษารายได้จากการให้เช่าฟิล์มภาพยนต์ไปฉายต่างจังหวัดก็มิใช่รายได้ประจำปีจากอสังหาริมทรัพย์ดังที่จำเลยทั้งสองฎีกาขอเป็นผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์กรณีจึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ที่จะมีคำสั่งตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์แทนการขายทอดตลาดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา307

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง เพื่อบังคับตามคำพิพากษา
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นแต่งตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์คือโฉนดที่ดินเลขที่ 12230,12231 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาเนื้อที่ 51 และ 52 ตารางวา เพื่อหารายได้ชำระหนี้โจทก์แทนการสั่งขายทอดตลาด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307
โจทก์ ไม่ยื่น คำคัดค้าน
ศาลชั้นต้น ไต่ ส่วน แล้ว มี คำสั่ง ยกคำร้อง
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้มีคำสั่งตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อหารายได้ชำระหนี้โจทก์แทนการขายทอดตลาดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 นั้น เห็นว่า แม้ที่ดินที่ถูกยึดดังกล่าวมีตึกแถว 3 ชั้น 2 คูหา และห้องแถวไม้เก่า ๆชั้นเดียว จำวน 8 ห้อง ปลูกอยู่ แต่ได้ความจากคำเบิกความของพยานจำเลยทั้งสองว่าได้ใช้ตึกแถว 2 คูหา เป็นที่อยู่อาศัยและเก็บฟิล์มภาพยนตร์เตรียมไปฉายต่างจังหวัดไม่ได้ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมและกสิกรรม จำเลยทั้งสองมีรายได้จากการให้เช่าฟิล์มภาพยนตร์ แสดงว่าตัวอสังหาริมทรัพย์นั้นเองในปัจจุบันมิได้มีรายได้ประจำปีจากการประกอบอุตสาหกรรม พาณิชยกรรมหรือกสิกรรมของลูกหนี้ตามคำพิพากษา รายได้จากการให้เช่าฟิล์มภาพยนต์ไปฉายต่างจังหวัดก็มิใช่รายได้ประจำปีจากอสังหาริมทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองฎีกาขอเป็นผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ กรณีจึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ที่จะมีคำสั่งตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์แทนการขายทอดตลาดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 ฎีกาข้ออื่นของจำเลยทั้งสองไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share