แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นมารดาของจำเลย เป็นผู้มีพระคุณต่อจำเลย ตามปกติวิสัยบุตรย่อมต้องให้ความเคารพและเทิดทูนมารดาไว้เหนือผู้อื่นการที่จำเลยพูดด่าว่าโจทก์ว่า “มึงเก่งหรืออีบัว” ก็ดี และว่ามึงอย่าเก่งมากนักก็ดี และท้าให้โจทก์ซึ่งเป็นมารดามาสู้กับตนโดยกล่าวว่า “มึงอย่าเก่งหลายอีบัว นาบ่ใช่นามึง นาของพ่อ ถ้าเก่งมาสู้กับบักลีกูจะจับขามึงวี่ลงเฮือน” ซึ่งหมายความว่า ถ้าโจทก์เก่งจะจับขาเหวี่ยงลงจากบ้าน ล้วนแต่เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นมารดาผู้เป็นบุพการี โดยไม่มีความเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตรทั่วไป ทั้งเป็นการลบหลู่บุญคุณมารดาอีกด้วย มิใช่เป็นเพียงคำกล่าวที่หยาบคายและไม่สมควรเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์ถอนคืนการให้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 531
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2520 โจทก์ได้ยกที่ดิน1 แปลง ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 194 ตำบลเหล่าเสือโก้ก อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานีเนื้อที่ 8 ไร่ 3 งาน 43 ตารางวา ให้แก่จำเลยโดยเสน่หา ต่อมาโจทก์มีอายุมากขึ้นไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ทำให้กลายเป็นคนยากไร้ไม่มีเสื้อผ้า อาหาร อันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการดำรงชีพ จำเลยสามารถจะให้สิ่งจำเป็นดังกล่าวแก่โจทก์ได้ แต่ไม่ยอมให้ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2530 จำเลยร่วมกับนายกุล สีสิทธิ์ ประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ด้วยการกล่าวคำหมิ่นประมาทโจทก์ว่า “อีบัว มึงอย่าเก่งหลายเด้ กูซิจับขามึงวี่ลงเรือนเด้ มึงอย่าสิเว้าหลาย นาพ่อกูบ่แม่นนามึง” หมายความว่าโจทก์ซึ่งเป็นมารดาของจำเลยดื้อรั้น จำเลยจะจับขาโจทก์เหวี่ยงให้ตกลงจากบ้านโจทก์หาว่าโจทก์เป็นคนพูดมากที่โจทก์ยกที่นาให้แก่จำเลย เป็นที่นาของบิดาจำเลย มิใช่ที่นาโจทก์ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยคืนและจดทะเบียนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 194 ตำบลเหล่าเสือโก้ก อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ให้แก่โจทก์ ถ้าจำเลยไม่ได้จดทะเบียนขอให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยลบหลู่หรือหมิ่นประมาทโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นมารดาของจำเลย เป็นผู้มีพระคุณต่อจำเลยตามปกติวิสัยบุตรย่อมต้องให้ความเคารพและเทิดทูนมารดาไว้เหนือผู้อื่น การที่จำเลยพูดด่าว่าโจทก์ว่า “มึงเก่งหรืออีบัว”ก็ดี และว่ามึงอย่าเก่งมากนักก็ดี และท้าให้โจทก์ซึ่งเป็นมารดามาสู้กับตนโดยกล่าวว่า “มึงอย่าเก่งหลายอีบัว นาบ่ใช่นามึงนาของพ่อ ถ้าเก่งมาสู้กับบักลี กูจะจับขามึงวี่ลงเฮือน” ซึ่งหมายความว่าถ้าโจทก์เก่งจะจับขาเหวี่ยงลงจากบ้าน ล้วนแต่เป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นมารดาผู้เป็นบุพการี โดยไม่มีความเคารพยำเกรงตามวิสัยของบุตรทั่วไปทั้งเป็นการลบหลู่บุญคุณมารดาอีกด้วยมิใช่เป็นเพียงคำกล่าวที่หยาบคายและไม่สมควรเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์ถอนคืนการให้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531
พิพากษากลับ ให้จำเลยคืนและจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 194 ตำบลเหล่าเสือโก้ก อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ให้แก่โจทก์ จำเลยไม่ไปจดทะเบียนให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย