แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นสามีภริยากัน จำเลยที่ 3เป็นบุตร เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ที่บ้านไม่มีเลขที่พบของกลาง เครื่องมือใช้ผลิตแอมเฟตามีน 27 รายการ และค้นบ้านเลขที่ 377 ซึ่งอยู่ห่างไป 500 เมตร พบจำเลยที่ 2 ในบ้านดังกล่าวพบของกลางน้ำยาและอุปกรณ์การผลิตจำนวนมาก ยาม้าหรือแอมเฟตามีนที่ผลิตแล้ว 180 เม็ด ส่วนอุปกรณ์เช่น บล๊อกปั๊มยี่ห้อยาม้าค้นได้ที่ใต้ฟูก ในห้องนอน บ้านไม่มีเลขที่กับบ้านเลขที่ 377 เป็นบ้านของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ให้การว่า ผู้นำเครื่องมือผลิตยาม้ามาไว้ในบ้านดังกล่าวนั้นคือนายตี๋เพื่อนของจำเลยที่ 1 และได้ผลิตยาม้าไปแล้วครั้งหนึ่ง การที่จำเลยที่ 2 รู้เห็นยินยอมในการที่นายตี๋นำเครื่องมือและอุปกรณ์การผลิตยาม้าหรือแอมเฟตามีนมาทำการผลิตในบ้านของตน รวมทั้งแอมเฟตามีนที่ผลิตเป็นเม็ดแล้วก็เก็บไว้ในบ้านดังกล่าวแล้ว แสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 1 และนายตี๋ทำการผลิตแอมเฟตามีนและร่วมกันมีแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง จำเลยที่ 3 อายุ 19 ปี ยังอยู่ในอำนาจการปกครองของจำเลยที่ 1 และที่ 2 บิดามารดา และอาศัยอยู่กับจำเลยที่ 1และที่ 2 ในบ้านเกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านของจำเลยที่ 1 และที่ 2การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ตกลงใจร่วมกับนายตี๋ทำการผลิตแอมเฟตามีนในบ้านดังกล่าว จึงไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำการผลิตแอมเฟตามีนตามฟ้อง ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นได้มีพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518ออกใช้บังคับโดยเพิ่มเติม มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 แยกจากเดิม ซึ่งบัญญัติรวมไว้ในมาตรา 13 และแก้ไขโทษปรับตามขั้นสูงตามมาตรา 89 ให้ต่ำลงมาจากปรับห้าแสนบาท เป็นปรับสี่แสนบาท ถือว่าเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงต้องใช้บทกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่นี้มาปรับแก่คดีของจำเลยทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 และเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เห็นสมควรนำมาเป็นเหตุลดโทษแก่จำเลยที่ 2 แล้วก็ให้เป็นคุณแก่จำเลยที่ 1ซึ่งคดีได้เสร็จเด็ดขาดไปแล้วด้วยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13, 62, 89, 106, 116 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 90 ริบของกลางให้กระทรวงสาธารณสุข
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานร่วมกันผลิตวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง, 89 และมีความผิดฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62, 106 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยทั้งสาม ฐานร่วมกันผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง, 89 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้วางโทษจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 10 ปี ให้ริบของกลางให้กระทรวงสาธารณสุข
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน จำเลยที่ 1 กับพวกผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 วรรคหนึ่ง, 89 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 กับพวกผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 วรรคหนึ่ง 89 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 ปี 8 เดือน พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 3 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันผลิตยาม้าหรือแอมเฟตามีนและมีแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ ได้ความว่าบ้านไม่มีเลขที่ กับบ้านเลขที่ 377 ที่ค้นพบของกลางนั้น เป็นบ้านของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นสามีภริยากันเมื่อพิเคราะห์ตามบัญชีของกลางคดีอาญาเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 แล้วเห็นได้ว่า ตามบัญชีของกลางคดีอาญาเอกสารหมาย จ.1 มีเครื่องมือการผลิตถึง 27 รายการ และตามบัญชีของกลางเอกสารหมาย จ.2 ก็มีทั้งน้ำยาและอุปกรณ์การผลิตเป็นจำนวนมาก ทั้งยาม้าหรือแอมเฟตามีนที่ผลิตแล้วจำนวนถึง 180 เม็ด โดยอุปกรณ์บางชนิดเช่นบล็อกปั๊มยี่ห้อยาม้าก็ค้นได้ที่ใต้ฟูก ในห้องนอนของบ้านจำเลยที่ 1 และที่ 2ทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ก็ให้การไว้ชัดว่า ผู้ที่นำเครื่องมือผลิตยาม้าไว้ในบ้านดังกล่าวคือ นายตี๋ซึ่งเป็นเพื่อนของจำเลยที่ 1 และทำการผลิตยาม้าครั้งแรกไปแล้วครั้งหนึ่ง ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 รู้เห็นยินยอมในการที่นายตี๋นำเครื่องมือและอุปกรณ์การผลิตยาม้าหรือแอมเฟตามีนมาทำการผลิตในบ้านของตนกับจำเลยที่ 1 โดยยอมให้เก็บเครื่องมือและอุปกรณ์การผลิต รวมทั้งแอมเฟตามีนที่ผลิตเป็นเม็ดแล้วก็เก็บไว้ในบ้านดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 1 และนายตี๋ทำการผลิตแอมเฟตามีนและร่วมกันมีแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองจริงจำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานร่วมกันผลิตแอมเฟตามีนและมีแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มิใช่มีความผิดเพียงเป็นผู้สนับสนุน
ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า เป็นบุตรของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 3 ยังเป็นผู้เยาว์อายุเพียง 19 ปียังอยู่ในอำนาจปกครองของจำเลยที่ 1 และที่ 2 และอาศัยอยู่กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในบ้านเกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เท่านั้น ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 และที่ 2ตกลงใจร่วมกับนายตี๋ทำการผลิตแอมเฟตามีนในบ้านดังกล่าวและร่วมกันมีแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง จึงไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3ซึ่งเป็นบุตรอยู่ในปกครอง ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำการผลิตแอมเฟตามีนและมีแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยที่ 3 จึงไม่มีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
อย่างไรก็ดีในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นได้มีพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ออกใช้บังคับโดยเพิ่มเติมมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย นำเข้า หรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 แยกจากเดิมซึ่งบัญญัติรวมไว้ในมาตรา 13 และแก้ไขโทษปรับตามขั้นสูง ตามมาตรา 89 ให้ต่ำลงมาจากปรับห้าแสนบาท เป็นปรับสี่แสนบาท ถือว่าเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงต้องใช้บทกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่นี้มาปรับแก่คดีของจำเลยทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 และศาลฎีกาเห็นว่า คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 และที่ 2เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จึงเห็นสมควรนำมาเป็นเหตุลดโทษแก่จำเลยที่ 2 และเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 ซึ่งคดีได้เสร็จเด็ดขาดไปแล้วด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันผลิตแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 และมีความผิดฐานร่วมกันมีแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานร่วมกันผลิตแอมเฟตามีนตามมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 ซึ่งเป็นบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 วางโทษจำคุก 10 ปี คำให้การของจำเลยที่ 1 และที่ 2ชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 6 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์