คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 29 วรรคหนึ่ง ให้บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินเท่านั้นจึงจะมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนทรัพย์สินที่ถูกพนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งริบ ดังนั้น เมื่อรถยนต์กระบะซึ่งถูกเจ้าพนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งริบเป็นทรัพย์สินของบิดามารดาของผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านซึ่งมิใช่เจ้าของทรัพย์สินจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์กระบะของกลาง

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ขอให้ศาลมีคำสั่งริบรถยนต์กระบะซึ่งผู้คัดค้านกับพวกใช้เป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นของกลาง ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30, 31
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้บุคคลซึ่งอาจอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินของกลางยื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีในหนังสือพิมพ์รายวันที่มีจำหน่ายแพร่หลายในท้องถิ่นรวม 2 วัน ติดต่อกันแล้ว
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้าน ขอให้มีคำสั่งคืนรถยนต์กระบะดังกล่าวแก่เจ้าของ
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ริบรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน บฉ 2304 เพชรบุรี ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 30, 31
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกอุทธรณ์
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า ผู้คัดค้านมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์กระบะของกลางหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 29 วรรคหนึ่ง บุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินเท่านั้นจึงจะมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนทรัพย์สินที่ถูกพนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งริบ เมื่อผู้คัดค้านอ้างว่ารถยนต์กระบะซึ่งถูกพนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งริบเป็นทรัพย์สินของบิดามารดาของผู้คัดค้าน ดังนั้น ผู้คัดค้านซึ่งมิใช่เจ้าของทรัพย์สินจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์กระบะของกลาง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยกอุทธรณ์ของผู้คัดค้านนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share