คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 577/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตเพื่อจำหน่ายกับเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสองมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนเดียวกัน จึงถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้จำเลยทั้งสองจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่หากข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าเป็นการกระทำเพียงกรรมเดียว ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษตามบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ และแม้กระบวนการผลิตกับการมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นคนละขั้นตอนกัน แต่เจตนาของจำเลยทั้งสองมีเพียงเจตนาอันเดียวคือมีเจตนาผลิตเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อจำหน่ายเท่านั้น เมื่อมีเจตนามีเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันกับที่ผลิตไว้เพื่อจำหน่าย จึงถือเป็นการกระทำกรรมเดียวที่ผิดต่อกฎหมายหลายบทตาม ป.อ. มาตรา 90

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 325 เม็ด กับ 1 ก้อน น้ำหนักรวม 32.796 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 2.284 กรัม เพื่อจำหน่าย กับร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และเสพเมทแอมเฟตามีน อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 65, 66, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 57, 65 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่ง, 91 (ที่ถูก ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83) การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรม ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) เพื่อจำหน่าย ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 7 ปี ฐานร่วมกันเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) จำคุกคนละ 6 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 (ที่ถูก ประกอบมาตรา 52 (2)) คนละกึ่งหนึ่ง จำคุกคนละ 33 ปี 9 เดือน ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 65 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่ง (ที่ถูก 66 วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่) เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) เพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 โดยให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คนละกึ่งหนึ่ง จำคุกคนละ 25 ปี รวมโทษจำคุกความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามี) คงจำคุกคนละ 25 ปี 3 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสองได้ พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนที่ตัวจำเลยที่ 1 จำนวน 110 เม็ด ที่ตัวจำเลยที่ 2 จำนวน 15 เม็ด และในห้องจำนวน 220 เม็ด กับอีก 1 ก้อน พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตเป็นของกลาง ข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนเป็นอันยุติในชั้นอุทธรณ์ คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองซึ่งข้อเท็จจริงยุติว่า ขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปจับกุมจำเลยทั้งสองในที่เกิดเหตุ จำเลยทั้งสองกำลังผลิตเมทแอมเฟตามีนอยู่ เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้เมทแอมเฟตามีนและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตเป็นของกลาง การกระทำดังกล่าวของจำเลยทั้งสองที่กำลังผลิตเมทแอมเฟตามีนกับฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียวหรือไม่ เห็นว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยทั้งสองร่วมกันผลิตเพื่อจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสองมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนเดียวกัน จึงถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงต้องลงโทษจำเลยทั้งสองหลายกรรม และกระบวนการผลิตและจำหน่ายเป็นกระบวนการคนละขั้นตอนกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันนั้น เห็นว่า แม้จำเลยทั้งสองจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่หากข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าเป็นการกระทำเพียงกรรมเดียว ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษตามบทกฎหมายให้ถูกต้องได้และแม้กระบวนการผลิตกับการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจะเป็นคนละขั้นตอนกัน แต่เจตนาของจำเลยทั้งสองมีเพียงเจตนาอันเดียว คือ มีเจตนาผลิตเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อจำหน่ายเท่านั้น เมื่อมีเจตนามีเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันกับที่ผลิตไว้เพื่อจำหน่าย จึงถือเป็นการกระทำกรรมเดียวที่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share