แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดเดียวกันกับคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในคำฟ้อง ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องเพราะเหตุฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์โดยยังไม่ได้พิจารณาเรื่องที่โจทก์ฟ้อง ถือไม่ได้ว่าศาลได้พิพากษาในความผิดซึ่งได้ฟ้อง สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องจึงไม่ระงับตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(4).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่ฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7, 15,66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และสั่งริบของกลาง
จำเลยที่ 1, 2, 3 ให้การรับว่าจำหน่ายเฮโรอีนจริง แต่ต่อสู้ว่าคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำหรือฟ้องซ้อนกับคดีหมายเลขแดงที่ 78/2525 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่
จำเลยที่ 4 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดฯ มาตรา 15, 66 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่ตลอดชีวิตจำเลยที่ 1, 2, 3 ให้การรับสารภาพ เมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามเปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยที่ 1, 2,3 เป็นจำคุกคนละ 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1, 2, 3 คนละ 33 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฎีกาว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสี่มาครั้งหนึ่งแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องนั้น ได้ความว่าในคดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่ในการกระทำความผิดเดียวกันกับคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสี่แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในฟ้องเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องดังกล่าวเป็นการยกฟ้องเพราะเหตุที่ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ไม่เกี่ยวกับข้อหาแห่งคดี เท่ากับว่าศาลยังไม่ได้พิจารณาเรื่องที่โจทก์ฟ้อง จึงถือไม่ได้ว่าศาลได้พิพากษาในความผิดซึ่งได้ฟ้อง สิทธิกาานำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาของจำเลยทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.