คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน คดีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีไปโดยไม่ได้วินิจฉัยเป็นประเด็นข้อพิพาทดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142 ประกอบ มาตรา 183 และศาลอุทธรณ์ภาค 5 มิได้ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน แต่กลับรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติและวินิจฉัยคดีไปเลย ย่อมเป็นการไม่ชอบเช่นกัน ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องไปเสียทีเดียวก่อนที่จะวินิจฉัยเนื้อหาฎีกาของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 104,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี 1,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีไปโดยไม่ได้วินิจฉัยเป็นประเด็นข้อพิพาทดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ประกอบ มาตรา 183 และศาลอุทธรณ์ภาค 5 มิได้ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน แต่กลับรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติและวินิจฉัยคดีไปเลย ย่อมเป็นการไม่ชอบเช่นกัน ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องไปเสียทีเดียวก่อนที่จะวินิจฉัยเนื้อหาฎีกาของโจทก์
ปัญหาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ เห็นว่า คำฟ้องและคำให้การรับกันว่าจำเลยเป็นข้าราชการ ปฏิบัติงานที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูน เมื่อพิจารณาข้ออ้างในคำฟ้อง คำให้การประกอบเอกสารท้ายฟ้อง และเอกสารท้ายคำให้การได้ความว่า มูลคดีสืบเนื่องมาจากบริษัท ฟาม่าแมกซ์ จำกัด ยื่นคำขออนุญาตขายยาแผนปัจจุบันในนามร้านเจเจ ฟาม่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูนจึงมอบหมายให้จำเลยออกตรวจสถานที่เพื่อประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาต วันที่ 5 เมษายน 2554 จำเลยไปที่ร้านดังกล่าวและออกคำสั่งให้เจ้าของร้านขายยานำป้ายที่ปรึกษากฎหมายของโจทก์ออกจากหน้าร้าน โจทก์จึงดำเนินคดีแก่จำเลย จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นได้ว่า จำเลยได้รับมอบหมายให้ออกตรวจสถานที่ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 มิใช่กระทำในฐานะส่วนตัว ดังนั้น เมื่อมีการกล่าวหาว่า การกระทำดังกล่าวของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ย่อมเป็นการกล่าวหาว่าจำเลยทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 มาตรา 5 วรรคหนึ่ง บัญญัติห้ามไม่ให้ผู้เสียหายฟ้องเจ้าหน้าที่ผู้ทำละเมิด แต่ให้ฟ้องหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดชอบโดยตรง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย เมื่อฟังได้ดังนี้แล้วจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ต่อไปอีกเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลล่างทั้งสองยกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share