คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องต่อหน้าศาลผ่านล่ามโดยมีทนายจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และที่ 6 ร่วมฟังการเบิกความและถามค้านโจทก์ ต่อมาเมื่อโจทก์ไม่สามารถเบิกความในชั้นพิจารณาได้ เนื่องจากถึงแก่ความตาย จึงเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นและมีเหตุผลสมควร ดังนั้น บันทึกคำเบิกความโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องจึงนำมารับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นในคดีได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226/5 กรณีหาจำต้องให้คู่ความตกลงกัน จึงจะนำคำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมารับฟังได้ตามมาตรา 237 ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 188, 264, 265, 267, 268, 334, 335, 352, 357
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และที่ 6 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 5 หลบหนี ศาลชั้นต้นออกหมายจับ และจำหน่ายคดีชั่วคราวสำหรับจำเลยที่ 5
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 และต่อมาโจทก์ถึงแก่ความตาย นางสาวแคลร์ บุตรของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีต่างผู้ตาย ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก และมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 วรรคแรก, 83 ฐานร่วมกันปลอมเอกสารและร่วมกันใช้เอกสารปลอม (ที่ถูก จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ร่วมกันเป็นผู้ปลอมเองด้วย) ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอม ตามมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 วรรคแรก แต่กระทงเดียว ตามมาตรา 268 วรรคสอง จำคุกคนละ 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยก และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 6
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาชั้นต้น
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ว่า มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 หรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันปลอมเอกสารโดยปลอมลายมือชื่อโจทก์ไปใช้ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัทในรายการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงกรรมการ และผู้ถือหุ้นของบริษัทเอ ไอ ดี เอ บิสซิเนส แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด ใหม่ แล้วจำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการของบริษัทเอ ไอ ดี เอ บิสซิเนส แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด คนใหม่ขายที่ดินโฉนดเลขที่ 124164 พร้อมสิ่งปลูกสร้างไป โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนและความเสียหายของผู้อื่น แม้จำเลยที่ 2 จะต้องเลี้ยงดูครอบครัว และมีบุตรผู้เยาว์ต้องดูแล รวมทั้งมีปัญหาด้านสุขภาพเป็นต้อเนื้อและต้อกระจก ต้องทำการรักษาโดยด่วน และจำเลยที่ 3 กระทำความผิดคดีนี้เป็นครั้งแรก ก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share