คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ผู้คัดค้านส่งเงินต่อศาลตามหมายอายัดชั่วคราว เป็นเพียงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี คำสั่งนั้นก็ยังคงมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษานั้นเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าในชั้นบังคับคดีศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านส่งเงินจำนวนเดียวกันกับที่มีคำสั่งในหมายอายัดชั่วคราว ย่อมถือได้ว่าคำสั่งที่ให้ผู้คัดค้านส่งเงินตามหมายอายัดชั่วคราวดังกล่าวเป็นอันยกเลิกไป ปัญหาว่าผู้คัดค้านต้องส่งเงินต่อศาลชั้นต้นตามหมายอายัดชั่วคราวหรือไม่ จึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดีอีกต่อไป หากผู้คัดค้านเห็นว่าตนมีสิทธิที่จะไม่ส่งเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้นในชั้นบังคับคดีก็ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อไป

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ค่าซื้อขายสินค้าตามหนังสือรับสภาพหนี้ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ยื่นคำร้องในเหตุฉุกเฉิน ขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดเงินที่จำเลยมีสิทธิได้รับจากกรมทางหลวงไว้เป็นการชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีหมายอายัดชั่วคราวถึงกรมทางหลวง ผู้คัดค้านอายัดสิทธิเรียกร้องเป็นเงินของจำเลยอันมีต่อผู้คัดค้าน ซึ่งจะต้องชำระเงินจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทแก่จำเลย โดยห้ามมิให้ผู้คัดค้านชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่จำเลย แต่ให้นำส่งมอบแก่ศาลชั้นต้นภายใน ๑๕ วัน
กรมทางหลวงผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านบอกเลิกสัญญาจ้างที่ทำไว้กับจำเลยทั้งสองฉบับ เป็นเหตุให้จำเลยมีหนี้สินอันเกิดจากการผิดสัญญาที่จะต้องชำระเงินให้แก่ผู้คัดค้าน เป็นเงินค่างานล่วงหน้าค้างชำระซึ่งจำเลยจะต้องคืนให้แก่ผู้คัดค้านตามสัญญาที่ ท.๑/๒๕๓๐ เป็นเงินจำนวน๔,๓๙๓,๙๒๐ บาท ตามสัญญาที่ ท.๗/๒๕๓๐ เป็นเงินจำนวน ๕๕๑,๖๓๓.๕๑ บาท และจำเลยต้องชำระค่าเสียหายอันเกิดจากการผิดสัญญาอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งยังไม่รู้จำนวนแน่นอน แต่คาดว่าหนี้สินของจำเลยที่จะต้องชดใช้ให้แก่ผู้คัดค้านมีจำนวนสูงกว่าค่าจ้างค้างจ่าย จึงไม่อาจส่งเงินค่างานจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทให้แก่ศาลชั้นต้นได้
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านส่งเงินตามหมายอายัดชั่วคราวของศาลชั้นต้นต่อศาลโดยพลันภายในกำหนด ๗ วัน นับจากวันที่ได้ฟังคำสั่งเป็นต้นไป
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้จำหน่ายอุทธรณ์โดยอ้างเหตุว่าคดีซึ่งโจทก์ฟ้องจำเลย ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ และคดีถึงที่สุดกับโจทก์ได้ขอหมายบังคับคดีแล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้คัดค้านมีว่า การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้คัดค้านในปัญหาว่า ผู้คัดค้านจะต้องส่งเงินต่อศาลตามหมายอายัดชั่วคราวหรือไม่นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ปรากฏว่าก่อนศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาในปัญหาดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ คดีถึงที่สุด ศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อบังคับตามคำพิพากษาแล้ว คดีอยู่ระหว่างการบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้มีหนังสือแจ้งการอายัดเงินที่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิได้รับจากผู้คัดค้านตามสัญญาที่ ท.๑/๒๕๓๐ และ ท.๗/๒๕๓๐เป็นจำนวน ๙๕๕,๐๐๐ บาท โดยให้ผู้คัดค้านส่งมอบเงินดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน ๑๐ วันผู้คัดค้านโต้แย้งว่าจำเลยไม่มีสิทธิได้รับเงินจำนวนดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๓๒ให้ผู้คัดค้านปฏิบัติตามคำสั่งอายัดเงินของเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยให้ส่งเงินภายใน ๑๕ วันนับแต่วันฟังคำสั่ง ศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นให้ผู้คัดค้านส่งเงินต่อศาลตามหมายอายัดชั่วคราวนั้นเป็นเพียงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี คำสั่งนั้นก็ยังคงมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษานั้นเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๐ (๒) เมื่อปรากฏว่า ในชั้นบังคับคดีศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านส่งเงินจำนวนเดียวกันกับที่มีคำสั่งในหมายอายัดชั่วคราว ย่อมถือได้ว่าคำสั่งที่ให้ผู้คัดค้านส่งเงินตามหมายอายัดชั่วคราวเป็นอันยกเลิกไป ปัญหาว่าผู้คัดค้านต้องส่งเงินต่อศาลชั้นต้นตามหมายอายัดชั่วคราวหรือไม่จึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดีอีกต่อไป หากผู้คัดค้านเห็นว่าตนมีสิทธิที่จะไม่ส่งเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้นในชั้นบังคับคดีก็ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share