แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาให้จำเลยออกระเบียบแก่บุคคลที่มาใช้บริการสนามกอล์ฟของจำเลย ห้ามมิให้ใช้ไม้กอล์ฟที่มีประสิทธิภาพตีไกล เช่น หัวไม้ 1 ห้ามมิให้ตั้งทีสูงเกิน 45 มิลลิเมตร ที่บริเวณชั้น 1 และกำหนดเวลาเปิดปิดตั้งแต่ 8 ถึง 20.30 นาฬิกา เป็นการคุ้มครองสิทธิของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 421, 1337, 1337 และ 1374 เพื่อระงับยับยั้งมิให้การใช้สิทธิของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ไม่เป็นการจำกัดเสรีภาพในการประกอบอาชีพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 5 และมาตรา 43 วรรคหนึ่ง และเป็นการพิพากษาบังคับให้จำเลยในฐานะผู้ประกอบกิจการสนามฝึกซ้อมกอล์ฟโดยตรงให้กระทำการและเป็นผู้ออกระเบียบ มิใช่เป็นการบังคับบุคคลภายนอกซึ่งสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้กระทำได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยสร้างแผงตาข่ายกั้นลูกกอล์ฟร่วงหล่นขึ้นใหม่ โดยมีความสูง 30 เมตร มีหลังคาปกคลุมด้านบนมิดชิดและมีโครงสร้างมั่นคงแข็งแรงปลอดภัยเพื่อป้องกันลูกกอล์ฟหรือวัตถุอื่นใดหลุดกระเด็นหรือร่วงหล่นจากสนามฝึกซ้อมกอล์ฟของจำเลยเข้ามาในที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยออกระเบียบมิให้บุคคลที่มาใช้บริการสนามฝึกซ้อมกอล์ฟของจำเลยใช้ไม้กอล์ฟที่มีประสิทธิภาพในการตีไกล เช่น หัวไม้ 1 ที่บริเวณชั้นสองของอาคาร และมิให้ใช้ทีตั้งลูกกอล์ฟสูงเกินกว่า 45 มิลลิเมตร ที่บริเวณชั้นหนึ่งของอาคาร รวมทั้งการเปิดปิดของสนามฝึกซ้อมกอล์ฟของจำเลยตั้งแต่เวลา 8 ถึง 20.30 นาฬิกา เป็นการถาวร หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยป้องกันลูกกอล์ฟหรือวัตถุอื่นใดกระเด็นหลุดออกจากสนามฝึกซ้อมกอล์ฟของจำเลยเข้ามาในที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยออกระเบียบมิให้บุคคลที่มาใช้บริการสนามฝึกซ้อมกอล์ฟของจำเลยใช้ไม้กอล์ฟที่มีประสิทธิภาพในการตีไกล เช่น หัวไม้ 1 ที่บริเวณชั้นสองของอาคารและมิให้ใช้ที (TEE) ตั้งลูกกอล์ฟสูงเกินว่า 45 มิลลิเมตร ที่บริเวณชั้น 1 ของอาคาร รวมทั้งกำหนดเวลาให้สนามฝึกซ้อมกอล์ฟของจำเลยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8 นาฬิกา ถึง 20.30 นาฬิกา เป็นการถาวร ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยสร้างแผงตาข่ายป้องกันลูกกอล์ฟกระเด็นหลุดหรือร่วงหล่นออกนอกสนามเข้าไปในที่ดินของโจทก์มีความสูงไม่ต่ำกว่า 18 เมตร และให้ทำตาข่ายคลุมด้านบนด้วย โดยให้มีมาตรฐานตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 และตามคำแนะนำแก้ไขปรับปรุงสภาพของสถานที่ประกอบกิจการของนายกเทศมนตรีตำบลบ้านเป็ด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ 4,000 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์มิได้ฟ้องว่าการที่นางสิริพรถูกลูกกอล์ฟที่ตีมาจากสนามฝึกซ้อมกอล์ฟของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ แต่เป็นการบรรยายฟ้องว่านางสิริพร กรรมการของโจทก์เข้าไปสำรวจที่ดินเพื่อจะว่าจ้างคนงานถมที่ดินเพื่อประกอบธุรกิจบ้านจัดสรร และถูกลูกกอล์ฟที่ตีมาจากสนามฝึกซ้อมกอล์ฟของจำเลย และต่อไปพนักงานและลูกค้าของโจทก์จะต้องเข้ามาทำงานและติดต่อธุระในที่ดินของโจทก์อาจได้รับอันตรายแก่กายและทรัพย์สินได้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ติดต่อจำเลยเพื่อให้จำเลยติดตั้งแผงตาข่ายป้องกันลูกกอล์ฟร่วงหล่นออกนอกสนามด้านที่ติดกับที่ดินโจทก์โดยมีหลังคาคลุมหลายครั้งหลายหนแต่จำเลยปฏิเสธ คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นการฟ้องในฐานะที่โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ผู้ครอบครองที่ดินถูกรบกวนการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิด หรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรในเมื่อเอาสภาพและตำแหน่งที่อยู่แห่งทรัพย์สินนั้นมาคำนึงประกอบ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374 และ มาตรา 1337 ทั้งคำฟ้องดังกล่าวยังเป็นการบรรยายฟ้องว่า การใช้สิทธิดำเนินกิจการสนามฝึกซ้อมกอล์ฟของจำเลยมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 บัญญัติว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของจำเลยตามคำฟ้องจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการต่อไปมีว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้จำเลยออกระเบียบแก่บุคคลที่มาใช้บริการสนามกอล์ฟของจำเลยห้ามมิให้ใช้ไม้กอล์ฟที่มีประสิทธิภาพตีไกล เช่น หัวไม้ 1 ห้ามมิให้ตั้งทีสูงเกิน 45 มิลลิเมตร ที่บริเวณชั้น 1 และกำหนดเวลาเปิดปิดตั้งแต่ 8 ถึง 20.30 นาฬิกา เป็นการจำกัดสิทธิพื้นฐานในการประกอบอาชีพของจำเลยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นการบังคับบุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่คู่ความ และสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้กระทำได้หรือไม่ ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 5 บัญญัติว่า ประชาชนชาวไทยไม่ว่าเหล่ากำเนิด เพศ หรือศาสนาใด ย่อมอยู่ในความคุ้มครองแห่งรัฐธรรมนูญนี้เสมอกัน การใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 43 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม นั้นจึงต้องไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเป็นการละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ทั้งต้องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพภายใต้กฎหมายเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ดังกล่าวเป็นการคุ้มครองสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421, 1337 และ 1374 เพื่อระงับยับยั้งมิให้การใช้สิทธิของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ไม่เป็นการจำกัดเสรีภาพในการประกอบอาชีพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตามที่จำเลยฎีกาแต่อย่างใด ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าคำพิพากษาดังกล่าวเป็นการบังคับบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่คู่ความ และสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องกระทำได้นั้น เห็นว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ดังกล่าวเป็นการพิพากษาบังคับให้จำเลยในฐานะผู้ประกอบกิจการสนามฝึกซ้อมกอล์ฟโดยตรงให้กระทำการและเป็นผู้ออกระเบียบ มิใช่เป็นการบังคับบุคลภายนอกซึ่งสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้กระทำได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 4,000 บาท