คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเลิกจ้างเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมนั้น จะต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป การที่ ธ. ลูกจ้างจำเลยและอยู่ใต้บังคับบัญชาโจทก์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ที่มีอยู่ในบริษัทจำเลยไปขายสินค้า ส่งสินค้า เรียกเก็บเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ตนมีหุ้นอยู่ ทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทจำเลย โจทก์ได้รู้เห็นการกระทำของ ธ. ที่ทำให้จำเลยเสียหาย ทำให้จำเลยมีความระแวงสงสัยและไม่ไว้ใจในตัวโจทก์ กับการทำงานของโจทก์มีผลงานไม่เป็นที่พอใจจำเลย ดังนี้ เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ จึงเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุสมควรและเป็นธรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์ อ้างว่าโจทก์บกพร่องด้านมนุษยสัมพันธ์ ทำให้การมีแตกแยก ทำงานไม่เป็นที่น่าพอใจ ข้อกล่าวหาของจำเลยไม่เป็นความจริง การกระทำของจำเลยเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์เสียหายขอให้จำเลยรับโจทก์เข้าทำงานในตำแหน่งและหน้าที่เดิม ค่าจ้างเท่าเดิม รวมทั้งสวัสดิการอื่น ๆ โดยนับอายุการทำงานติดต่อกันเสมือนไม่มีการเลิกจ้าง พร้อมทั้งชำระค่าจ้างที่โจทก์ได้รับนับแต่วันเลิกจ้างจนถึงวันรับกลับเข้าทำงาน หากจำเลยไม่ยอมรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิม จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์เป็นเงิน ๗๖,๒๐๗ บาท ค่าโบนัสประจำปี ๒๕,๔๐๒ บาท จำเลยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าจึงต้องชดใช้ค่าเสียหาย ๑๕๒,๔๑๒ บาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน ๒๕๔,๐๒๑ บาท ให้จำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยขาดความไว้วางใจในตัวโจทก์และไม่ประสงค์ที่จะจ้างโจทก์ต่อไป จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยเสนอเงินชดเชยให้แก่โจทก์ตามกฎหมาย โจทก์ไม่ยอมรับเงินค่าชดเชยเอง จำเลยไม่เคยกล่าวอ้างว่าโจทก์บกพร่องด้านมนุษยสัมพันธ์ จำเลยเคยติเตียนว่าโจทก์มีความคิดขัดแย้งกับผู้ร่วมงาน ทำงานไม่ประสานกันเท่าที่ควร จำเลยถือว่าเป็นเหตุหนึ่งที่เลิกจ้างโจทก์ด้วย ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่อาจรับโจทก์เข้าทำงานได้ โจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย ๑๘๐ วัน แต่โจทก์ไม่มีสิทธินำค่าครองชีพมารวมคำนวณด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินโบนัสประจำปี โจทก์ไม่เสียหายตามที่คำนวณมาในฟ้อง จำเลยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยตามจำนวนเงินที่โจทก์เรียกร้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม การเลิกจ้างโจทก์เป็นธรรม สมควรกำหนดค่าชดเชยให้ ๗๖,๒๐๖ บาท และสินจ้างที่มิได้บอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้างหนึ่งเดือน ๑๒,๗๐๐ บาท พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๘๘,๙๐๗ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การเลิกจ้างเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมนั้น จะต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป การที่ ธ. ลูกจ้างจำเลยและอยู่ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ที่มีอยู่ในบริษัทจำเลยไปขายสินค้าส่งสินค้า เรียกเก็บเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ตนมีหุ้นส่วนอยู่ทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทจำเลย โจทก์เป็นอยู่บังคับบัญชา ธ. โจทก์ได้รู้เห็นการกระทำของ ธ. ที่ทำให้จำเลยเสียหาย ทำให้จำเลยมีความระแวงสงสัยและไม่ไว้ใจในตัวโจทก์ กับการทำงานของโจทก์มีผลงานไม่เป็นที่พอใจจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิจะรักษาผลประโยชน์ของตนเอง มีสิทธิที่จะเลิกจ้างโจทก์ได้ การที่โจทก์มีพฤติการณ์ดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ เป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุสมควรและเป็นธรรม
พิพากษายืน

Share