คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่คู่สัญญาตกลงกันไว้ล่วงหน้าว่า ถ้าฝ่ายใดผิดสัญญายอมรับผิดใช้ค่าเสียหายให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นรายวันวันละเท่านั้นบาท ดังนี้ถือว่าเป็นเบี้ยปรับ
เมื่อเป็นเบี้ยปรับแล้วฝ่ายผิดสัญญาต้องรับผิดโดยไม่ต้องพิจารณาว่า อีกฝ่ายเสียหายไปเท่าใด แต่ศาลอาจลดเบี้ยปรับลงได้
การกำหนดเบี้ยปรับสำหรับการไม่ชำระเงินไม่ใช่เรื่องคู่สัญญาตั้งใจจะเสียดอกเบี้ยแก่กัน จึงไม่ใช่เรื่องเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าก่อสร้างที่ค้างชำระกับค่าเสียหายในวันพิจารณาจำเลยยอมใช้เงินค่าก่อสร้างที่ค้างชำระ ส่วนค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องคู่ความยกให้ศาลวินิจฉัยตามสัญญามีว่าจำเลยจะจ่ายเงินค่าก่อสร้างให้หลังจากส่งมอบงานแล้วภายในกำหนด10 วัน ถ้าเกินกำหนดจำเลยยอมรับผิดใช้ค่าเสียหาย ให้เป็นรายวันวันละ 50 บาท ถ้าโจทก์ทำงานไม่เสร็จภายใน 18 วัน โจทก์ต้องถูกปรับวันละ 100 บาท

ศาลแพ่งเห็นว่า การตกลงเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับที่คู่สัญญาตกลงกันไว้ จำเลยจึงต้องรับผิด เพราะโจทก์ได้ก่อสร้างเสร็จภายในกำหนดและจำเลยได้รับมอบไปแล้ว ส่วนจำนวนเงินค่าปรับให้ปรับวันละ 50 บาทนั้นสูงเกินไปเพราะเงินที่ต้องชำระงวดสุดท้ายจำเลยได้ใช้ไปบ้างแล้วควรลดลงให้จำเลยใช้วันละ 8 บาท พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 8,120 บาทและเบี้ยปรับ 1,600 บาท

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยที่กล่าวถึงค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้ให้แก่กันนั้น ก็คือเบี้ยปรับนั่นเองเพราะในกรณีเช่นนี้คู่สัญญาย่อมไม่อาจคำนวณค่าเสียหายล่วงหน้าไว้ได้ เมื่อเป็นเบี้ยปรับแล้ว จำเลยต้องรับผิดคดีไม่จำเป็นจะต้องพิจารณาว่าโจทก์เสียหายไปเท่าใดและเห็นว่าการกำหนดเบี้ยปรับสำหรับการชำระเงินมิใช่เป็นเรื่องคู่สัญญาตั้งใจจะเรียกดอกเบี้ยแก่กันแต่เป็นเรื่องกำหนดค่าปรับในการที่โจทก์อาจไม่ได้ชำระหนี้สำหรับกิจการที่โจทก์ได้กระทำไปตามสัญญา จึงหาใช่เรื่องเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราไม่

พิพากษายืน

Share