คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1136/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของที่ดินที่ถูกที่ดินแปลงอื่นปิดล้อมสามารถใช้สิทธิเรียกร้องผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้เป็นการตัดสิทธิของเจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ จึงต้องแปลโดยเคร่งครัด จะแปลโดยอนุโลมหาได้ไม่ เมื่อที่ดินของโจทก์แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 33092 แม้ที่ดินโฉนดเลขที่ 33092 จะเคยเป็นที่แปลงเดียวกับที่ดินจำเลยมาก่อนก็ตาม จะถือโดยอนุโลมว่าที่ดินโจทก์แบ่งแยกมาจากที่ดินจำเลยด้วยหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านไปสู่ทางสาธารณะได้เฉพาะภายในบริเวณที่ดินโฉนดเลขที่ 33092 ซึ่งเป็นที่ดินแปลงที่ที่ดินโจทก์แบ่งแยกมาเท่านั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1350 จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านที่ดินจำเลยไปสู่ทางสาธารณะไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโจทก์ติดที่ดินของผู้อื่นตลอดแนวทั้งสามด้าน มีทางออกทางทิศใต้เพียงด้านเดียวซึ่งติดต่อกับทางพิพาทอันเป็นถนนสาธารณะ โจทก์ปลูกสร้างอาคาร 3 ชั้นลงในที่ดินโจทก์เต็มเนื้อที่เพื่อใช้เป็นโรงเรียน ต่อมาจำเลยก่อสร้างกำแพงซ้อนกำแพงรั้วโรงเรียนของโจทก์ปิดกั้นทางเข้าออกจากที่ดินโจทก์สู่ถนนสาธารณะและทางพิพาทตลอดแนวเขตที่ดินโจทก์เป็นการจงใจละเมิดสิทธิของโจทก์ ถ้าหากทางพิพาทไม่มีสภาพเป็นทางสาธารณะ การกระทำของจำเลยก็เป็นการปิดล้อมทางจำเป็นซึ่งเป็นทางเข้าออกสู่ที่ดินโจทก์สู่ถนนสาธารณะ ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนกำแพงดังกล่าว และห้ามกระทำการใด ๆ อันเป็นการปิดกั้นทางเข้าออกสู่ที่ดินโจทก์อีกต่อไป
จำเลยให้การว่า ที่ดินโจทก์ทางด้านทิศใต้มิได้ติดถนนสาธารณะหากติดกับที่ดินของจำเลยซึ่งจำเลยกันส่วนไว้เพื่อใช้ประโยชน์กว้าง3 เมตร ยาวตลอดแนวที่ดิน ถัดจากที่ดินดังกล่าวเป็นทางพิพาทซึ่งเป็นถนนส่วนบุคคลของจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิสร้างรั้วขึ้นตลอดแนวเขตที่ดินจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิขอใช้ทางพิพาทและที่ดินของจำเลยเป็นทางออกสู่ถนนสาธารณะโดยอ้างว่าเป็นทางจำเป็นโจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านเฉพาะบนที่ดินแปลงเดิมที่ที่ดินของโจทก์แบ่งแยกออกมาเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีข้อวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์มีสิทธิใช้ที่ดินจำเลยเป็นทางผ่านออกสู่ทางสาธารณะได้ตามฟ้องหรือไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 33092 แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 14634 ซึ่งเป็นที่ดินจำเลย ส่วนที่ดินโจทก์คืนที่ดินโฉนดเลขที่ 97240 แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 33092ซึ่งด้านทิศตะวันตกของที่ดินแปลงนี้อยู่ติดทางสาธารณะ โจทก์ฎีกาว่า แม้ที่ดินโจทก์จะแบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 33092 แต่ที่ดินแปลงนี้ก็แบ่งแยกมาจากที่ดินจำเลยโฉนดเลขที่ 14634 จึงถือได้ว่าที่ดินโจทก์กับที่ดินจำเลยเป็นที่ดินแปลงเดียวกันมาก่อน โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องผ่านที่ดินจำเลยออกสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เจ้าของที่ดินที่ถูกที่ดินแปลงอื่นปิดล้อมใช้สิทธิเรียกร้องผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะเป็นการตัดสิทธิของเจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ จึงต้องแปลโดยเคร่งครัด จะแปลโดยอนุโลมหาได้ไม่เมื่อที่ดินของโจทก์แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 33092 ก็ต้องถือโดยเคร่งครัดว่าที่ดินโจทก์แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 33092 เท่านั้น แม้ที่ดินโฉนดเลขที่ 33092 จะเคยเป็นที่แปลงเดียวกับที่ดินจำเลยมาก่อนก็ตาม จะถือโดยอนุโลมว่าที่ดินโจทก์แบ่งแยกมาจากที่ดินจำเลยด้วยหาได้ไม่โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านไปสู่ทางสาธารณะได้เฉพาะภายในบริเวณที่ดินโฉนดเลขที่ 33092 ซึ่งเป็นที่ดินแปลงที่ที่ดินโจทก์แบ่งแยกมาเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านที่ดินจำเลยไปสู่ทางสาธารณะหาได้ไม่ เพราะถือไม่ได้ว่าที่ดินโจทก์แบ่งแยกมาจากที่ดินจำเลย
พิพากษายืน.

Share