แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการจัดซื้อที่ดินให้ทางราชการว่า “การจัดซื้อควรติดต่อโดยตรงกับเจ้าของที่ดินด้วย” นั้น คำว่า “ควร” ไม่ได้หมายความว่า ผู้มีหน้าที่จัดซื้อที่ดินไม่จำต้องติดต่อโดยตรงกับเจ้าของที่ดินทุกรายเสมอไป เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจหน้าที่ในการจัดซื้อที่ดินย่อมต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกันรักษาประโยชน์ของรัฐมิให้เกิดเสียหาย เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ในการเป็นนายหน้าเสนอขายที่ดินให้แก่ทางราชการโดยที่ตนเองมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
แม้จำเลยจะถูกฟ้องในคดีอาญาข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อที่ดินโดยมิชอบและทุจริต และมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีส่วนอาญาให้ยกฟ้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ฟ้องเป็นคดีแพ่งให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อจึงเป็นข้อเท็จจริงคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญาศาลมีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำโดยประมาทนั้นได้ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46
ย่อยาว
คดีทั้งสามสำนวนศาลชั้นต้นรวมการพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกันโดยสำนวนคดีแรกโจทก์ฟ้องว่า ในการซื้อที่ดินเพื่อสร้างศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเขต ๕ จังหวัดเชียงใหม่ โจทก์ซื้อราคาสูงกว่าราคาเป็นจริง เพราะจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่สอบถามว่าผู้เสนอขายที่ดินเป็นเจ้าของที่ดินหรือไม่และทำบันทึกเสนอให้ผู้แทนโจทก์เชื่อว่าที่ดินเป็นของผู้เสนอขาย เป็นเหตุให้โจทก์อนุมัติซื้อที่ดินไป การกระทำละเมิดของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย ต้องซื้อที่ดินราคาแพงกว่าที่เป็นจริงเป็นเงิน ๑,๑๖๒,๓๐๐ บาท ขอให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
สำนวนคดีที่สองโจทก์ฟ้องว่า ในการจัดซื้อที่ดินเพื่อสร้างอาคารที่ทำการและบ้านพักหน่วยกำลังของกองบัญชาการตำรวจนครบาลของโจทก์ โจทก์ซื้อราคาสูงกว่าที่เป็นจริง ๑๓,๕๔๓,๘๒๕ บาท โดยจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์คือไม่เรียกโฉนดจากผู้เสนอขายมาตรวจสอบว่าที่ดินเป็นของผู้เสนอขายจริงหรือไม่ และจำเลยได้ขออนุมัติซื้อที่ดินต่อผู้แทนโจทก์ ผู้แทนโจทก์เชื่อว่าที่ดินที่ขออนุมัติซื้อเป็นของผู้เสนอขายจึงอนุมัติให้จำเลยทำสัญญาซื้อขายได้จึงขอให้จำเลยชดใช้หรือคืนเงิน ๑๓,๕๔๓,๘๒๕ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
สำนวนคดีที่สามโจทก์ฟ้องว่า ในการจัดซื้อที่ดินเพื่อต่อเติมศูนย์บรรเทาสาธารณภัยส่วนกลางของกองตำรวจดับเพลิงของโจทก์ ได้ซื้อราคาสูงกว่าที่เป็นจริงโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ได้ตรวจสอบโฉนดที่ดินว่าเป็นของผู้เสนอขายจริงหรือไม่ กับไม่สอบถามราคาประเมินของที่ดินไปยังกรมที่ดิน แต่ได้นำราคาประเมินที่ดินรายอื่นซึ่งมีราคาสูงมาพิจารณาเป็นราคาจัดซื้อและขออนุมัติซื้อที่ดินรายนี้ต่อผู้แทนโจทก์ เป็นเหตุให้ผู้แทนโจทก์เชื่อตามหลักฐานที่จำเลยเสนอจึงอนุมัติตามข้อเสนอของจำเลย เป็นเหตุให้โจทก์ต้องจ่ายค่าที่ดินสูงกว่าความเป็นจริงไป ๘,๒๐๐,๐๐๐ บาท ขอให้จำเลยใช้หรือคืนเงินดังกล่าวให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การทั้งสามสำนวนว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความละเมิดแล้ว จำเลยมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายการจัดซื้อที่ดินจำเลยได้ดำเนินการด้วยความรอบคอบแล้ว โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายดังฟ้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะการประมาทเลินเล่อของจำเลย พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑๕,๕๑๔,๗๐๐ บาท
โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยรับผิดชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เต็มตามฟ้อง
จำเลยฎีกาขอให้พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีนี้พนักงานอัยการ กรมอัยการได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยนี้เป็นคดีอาญาในข้อหาทุจริตต่อหน้าที่เกี่ยวกับการซื้อที่ดินในคดีแพ่งทั้งสามสำนวนนี้ ศาลฎีกามีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ และวินิจฉัยต่อไปว่า มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดซื้อที่ดินให้แก่ทางราชการใช้คำว่า “การจัดซื้อควรติดต่อโดยตรงกับเจ้าของที่ดินด้วย” แม้มตินี้จะใช้คำว่า “ควร” ก็ไม่ได้หมายความว่า จำเลยผู้มีหน้าที่จัดซื้อที่ดินจะมีสิทธิไม่จำเป็นต้องติดต่อโดยตรงกับเจ้าของที่ดินทุกรายได้เสมอไป การเห็นควรติดต่อโดยตรงหรือไม่ติดต่อกับเจ้าของที่ดินรายใดหรือไม่นั้น จำเลยในฐานะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจหน้าที่ในการจัดซื้อที่ดิน ย่อมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการป้องกัน รักษาผลประโยชน์ของรัฐและทางราชการมิให้เกิดการเสียหายจึงจักต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยการใช้วิจารณญานอันสุขุมรอบคอบและระมัดระวังเพื่อป้องกันมิให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดแสวงหาผลประโยชน์และกำไรโดยมิชอบจากการเสนอขายที่ดินให้แก่ทางราชการโดยที่ตนมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่กระทำไปในฐานะเป็นนายหน้าพ่อค้าคนกลางทำการติดต่อกับทางราชการทำให้รัฐหรือทางราชการต้องเสียหายด้วยการซื้อที่ดินไว้ในราคาแพงกว่าราคาที่แท้จริง หากได้ทำการจัดซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์โดยตรงกับเจ้าของที่ดิน
ในคดีส่วนอาญาที่จำเลยถูกฟ้องเป็นจำเลยนั้น โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการซื้อที่ดินให้แก่กรมตำรวจโดยมิชอบและทุจริต ส่วนในคดีแพ่ง โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้รับผิดในมูลละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ จึงเป็นข้อเท็จจริงคนละเรื่องและคนละประเด็นต่างหากจากคดีอาญา ส่วนในข้อที่ว่าโจทก์เสียหายเพียงใด ศาลฎีกาก็ไม่ได้วินิจฉัยไว้ในคดีอาญา ศาลจึงมีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์เสียหายได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๖
และศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับค่าเสียหายของโจทก์ว่าเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๗,๙๗๐,๖๕๐ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑๗,๙๗๐,๖๕๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์