แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์นำยึดที่ดินและตึกแถวอ้างว่าตึกแถวปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ ต่อมาปรากฏว่าตึกแถวมิได้ปลูกอยู่บนที่ดิน การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์นั้นติดกันไปจึงเป็นการไม่ชอบเมื่อผู้ร้องซึ่งซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดไม่อ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ศาลย่อมมีอำนาจออกคำสั่งยกเลิกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวงหรือวิธีการบังคับใด ๆ โดยเฉพาะนั้นเสียได้ก่อนการบังคับคดีเสร็จสิ้นลง โจทก์ทั้งสองและผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการขายทอดตลาดย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ และการที่ศาลชั้นต้นได้ทำการตรวจสอบฟังคำแถลงของผู้ร้องและโจทก์ทั้งสองแล้วเห็นว่ามีการผิดพลาด ย่อมถือได้ว่าได้มีการไต่สวนคำร้องโดยชอบแล้วทั้งจำเลยทั้งสองก็มิได้คัดค้านว่าคำร้องไม่เป็นความจริงเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าได้ขายทอดตลาดทรัพย์ไปโดยไม่ชอบศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจสั่งยกเลิกการบังคับคดีนั้นเสียได้
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยทั้งสอง และได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยทั้งสองตกลงจะชำระเงินให้แก่โจทก์คนละ 42,000 บาท จะผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ต่อโจทก์แต่ละคน จะชำระให้หมดสิ้นภายในปี พ.ศ. 2530 โดยจะต้องนำเงินมาวางที่ศาลภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน นับแต่เดือนมิถุนายน 2529 เป็นต้นไป หากจำเลยทั้งสองผิดนัดโจทก์ทั้งสองจะบังคับคดีตามคำขอท้ายฟ้องต่อไป ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมต่อมาจำเลยทั้งสองผิดนัด โจทก์ทั้งสองจึงบังคับคดีนำยึดที่ดินที่อ้างว่าโฉนดเลขที่ 20174 ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทราจังหวัดฉะเชิงเทรา และตึกแถวเลขที่ 121/13 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดดังกล่าวเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้โจทก์ทั้งสอง เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาด ในการขายทอดตลาดปรากฏว่าผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์ดังกล่าวได้ ได้วางเงินค่าซื้อทรัพย์ร้อยละ 25 ของราคาซื้อ เป็นเงิน 65,000 บาท ต่อศาลชั้นต้นแล้ว ต่อมาปรากฏว่าตึกแถวดังกล่าวไม่ได้ปลูกสร้างอยู่บนที่ดินนั้น โดยที่ดินโฉนดเลขที่ 20174 อยู่ทางด้านหลังของตึกแถวดังกล่าว โจทก์ทั้งสองกับนางว่วยเอ็งผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าซื้อทรัพย์โดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการขายทอดตลาดและคืนเงิน 65,000 บาท แก่ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด และคืนเงินจำนวน 65,000 บาทแก่ผู้ร้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า การขายทอดตลาดทรัพย์มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว คำสั่งศาลชั้นต้นไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้นตรวจสอบหลักฐานแล้วได้ความตามคำร้องของโจทก์ทั้งสองและนางว่วยเอ็ง ลักขณะวิสิทฎฐ์ ผู้ร้องซึ่งซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดว่า ตึกแถวเลขที่ 121/13 ถนนศุภกิจตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา มิได้ปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 20174 ตำบลหน้าเมืองอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามที่โจทก์ทั้งสองนำยึดเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้โจทก์ทั้งสอง แต่ตึกแถวดังกล่าวอยู่ทางด้านหน้าของที่ดินโฉนดดังกล่าว จึงเห็นได้ว่าการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์นั้นติดกันไปจึงเป็นการไม่ชอบ เมื่อผู้ร้องไม่อ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจออกคำสั่งยกเลิกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งปวงหรือวิธีการบังคับใด ๆ โดยเฉพาะนั้นเสียได้ก่อนการบังคับคดีเสร็จสิ้นลง โจทก์ทั้งสองและผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการขายทอดตลาดย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ และการที่ศาลชั้นต้นได้ทำการตรวจสอบฟังคำแถลงของผู้ร้องและโจทก์ทั้งสองแล้วเห็นว่ามีการผิดพลาดย่อมถือได้ว่าได้มีการไต่สวนคำร้องโดยชอบแล้ว ทั้งจำเลยทั้งสองก็มิได้คัดค้านว่าคำร้องไม่เป็นความจริง เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าได้ขายทอดตลาดทรัพย์ไปโดยไม่ชอบ ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจสั่งยกเลิกการบังคับคดีนั้นเสียได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน