แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้และบังคับจำนอง จำเลยไม่ชำระหนี้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินที่จำนองเพื่อขายทอดตลาด ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินร้องขัดทรัพย์และต่อมาโจทก์กับผู้ร้องได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอม โดยผู้ร้องยอมชำระเงินให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย หากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับยึดทรัพย์ที่จำนองในคดีนี้ได้ ต่อมาผู้ร้องผิดสัญญา การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินที่จำนองซึ่งยึดไว้ในคดีเดิม โดยโจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามิได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ตามที่ตกลงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระหนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัด ค้ำประกันและบังคับจำนอง ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้จำเลยทั้งสามไม่ชำระ เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 20 และโฉนดเลขที่ 194 ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ โจทก์และผู้ร้องทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลพิพากษาตามยอมโดยผู้ร้องยอมชำระเงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยหากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดียึดทรัพย์จำนองในคดีนี้ออกขายทอดตลาด ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์จำนองที่ยึดไว้ดังกล่าว เอาเงินชำระหนี้
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินทั้งสองแปลงขอให้มีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์รายนี้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปรากฏในสำนวนคดีนี้ว่า เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 20 และโฉนดเลขที่ 194 แล้วผู้ร้องร้องขัดทรัพย์อ้างว่าที่ดินทั้งสองแปลงเป็นของผู้ร้องได้มาจากการเช่าซื้อจากจำเลยที่ 2 ตามสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลได้พิพากษาตามยอมในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 142/2514 ของศาลชั้นต้นซึ่งผู้ร้องได้ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว ต่อมาโจทก์และผู้ร้องทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลพิพากษาตามยอมให้ผู้ร้องชำระเงินให้โจทก์จำนวน 412,141.02 บาท พร้อมดอกเบี้ยกำหนดชำระเงินทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2524 หากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดียึดทรัพย์จำนองในคดีนี้และทรัพย์อื่น ๆของผู้ร้องออกขายทอดตลาด โจทก์ยอมตามข้อตกลงดังกล่าว โจทก์และผู้ร้องได้ลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาล จึงเป็นสัญญาที่ใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 มีผลทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญานั้นว่าเป็นของตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 ดังนั้น โจทก์และผู้ร้องจึงต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว เมื่อผู้ร้องผิดสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมแล้วโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ดังที่ตกลงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความมาบังคับคดีได้ แต่ในสำนวนคดีไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ขอและศาลได้ออกหมายบังคับคดีแต่อย่างใดการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ตามคำสั่งศาลที่ยึดไว้ในคดีเดิม ซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่ถือได้ว่าเป็นการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์โดยมิได้ออกหมายบังคับคดีจึงเป็นการมิชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้เอง ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษายกคำร้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องต่อไป”
พิพากษากลับ ให้ยกเลิกเพิกถอนการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำไป.