แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่มาตรา 87 ทวิ แห่ง ป.รัษฎากรให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจกำหนดรายรับของผู้ประกอบการค้าที่มิได้ยื่นแบบแสดงรายการการค้าหรือยื่นไม่ถูกต้อง หรือไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือตอบคำถามของเจ้าพนักงานประเมินนั้น เป็นการให้อำนาจกำหนดสำหรับภาษีที่ถึงกำหนดชำระแล้วเท่านั้น มิใช่ให้อำนาจประเมินภาษีโดยกำหนดรายรับขั้นต่ำไว้เป็นการล่วงหน้า การที่เจ้าพนักงานกำหนดรายรับขั้นต่ำของโจทก์ครั้งแรกล่วงหน้าแล้ว แม้ต่อมาเมื่อพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการ เจ้าพนักงานได้กำหนดรายรับขั้นต่ำของโจทก์ใหม่ ก็เป็นกรณีที่เกิดจากการโต้แย้งของโจทก์เกี่ยวกับจำนวนรายรับที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเดิมนั่นเอง อันเป็นเรื่องของการต่อรองสำหรับจำนวนที่กำหนดไว้เดิม ซึ่งในหนังสือแจ้งกำหนดรายรับขั้นต่ำใหม่ก็ได้อ้างถึงหนังสือที่แจ้งการกำหนดรายรับขั้นต่ำที่กำหนดครั้งก่อน จึงมีผลเป็นการกำหนดรายรับขั้นต่ำล่วงหน้าเช่นเดียวกัน.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าโดยกำหนดรายรับขั้นต่ำประจำเดือนภาษีล่วงหน้าเป็นการไม่ชอบขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้าและคำวินิจฉัยอุทธรณ์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า เจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ตรวจสอบสถิติการยื่นรายรับเพื่อเสียภาษีการค้าของโจทก์ พบว่าโจทก์ยื่นรายรับไว้ต่ำกว่าความเป็นจริงที่ควรจะเป็น จึงได้กำหนดรายรับขั้นต่ำต่อเดือนของโจทก์ แล้วประเมินให้โจทก์เสียภาษีตามที่กำหนดดังกล่าวการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้าและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามฟ้อง ให้เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ประเมินภาษีการค้าของโจทก์เสียใหม่ โดยคำนวณจากรายรับของโจทก์ในช่วงระยะเวลาเดือนพฤศจิกายน 2527 ถึงเดือนเมษายน2529 จำนวนเดือนละ 51,000 บาทคำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยโจทก์อุทธรณ์ขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไขจำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งหมด
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำให้การได้ความว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527 เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 กำหนดรายรับของโจทก์ไว้ในอัตราไม่ต่ำกว่าเดือนละ 80,000บาทต่อเดือน โดยให้มีผลตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2527 เป็นต้นไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2527 โจทก์ยื่นคำร้องโต้แย้งการกำหนดรายรับขั้นต่ำ เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จึงกำหนดรายรับขั้นต่ำใหม่ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 67,000 บาทต่อเดือน โดยให้มีผลตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2527 ตามหนังสือลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2528 โจทก์โต้แย้งการกำหนดรายรับขั้นต่ำตามหนังสือดังกล่าว เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จึงกำหนดรายรับขั้นต่ำใหม่ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 51,000 บาทโดยให้มีผลตั้งแต่เดือนธันวาคม 2528 ตามหนังสือลงวันที่ 18กุมภาพันธ์ 2529 โจทก์โต้แย้งการกำหนดรายรับขั้นต่ำ เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 แจ้งยกเลิกการกำหนดรายรับขั้นต่ำตั้งแต่รายรับเดือนพฤษภาคม 2529 ตามหนังสือลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2529 ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2527 ถึงเดือนเมษายน 2529 โจทก์ยื่นเสียภาษีการค้าโดยมีรายรับที่ยื่นไว้ต่ำกว่ารายรับขั้นต่ำที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 กำหนด เจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าเพิ่มเติมในเงินภาษีการค้าส่วนที่ชำระไว้ขาด โจทก์อุทธรณ์การประเมิน คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบหรือไม่ และมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ว่าที่ศาลภาษีอากรกลางให้ประเมินจากรายรับขั้นต่ำของโจทก์เดือนละ 51,000 บาท นั้นเป็นการชอบหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว เห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ก่อนภาษีการค้าในช่วงเวลาที่พิพาทนั้นส่วนใหญ่เป็นภาษีการค้าที่ถึงกำหนดก่อนที่พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 14)พ.ศ. 2529 มาตรา 25 ซึ่งบัญญัติเพิ่มเติม มาตรา 86 เบญจ ใช้บังคับและการค้าของโจทก์นั้นไม่อยู่ในข่ายต้องทำการกำหนดรายรับขั้นต่ำตามนัยประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีการค้า(ฉบับที่ 38) พ.ศ. 2529 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการกำหนดรายรับขั้นต่ำ ตามมาตรา 86 เบญจแห่งประมวลรัษฎากร กรณีจึงไม่มีปัญหาที่จะต้องพิจารณาตามบทกฎหมายดังกล่าว ตามบทบัญญัติมาตรา 87 ทิว แห่งประมวลรัษฎากรที่บัญญัติให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจกำหนดรายรับของผู้ประกอบการค้าที่มิได้ยื่นแบบแสดงรายการการค้าหรือยื่นไม่ถูกต้อง หรือไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือตอบคำถามของเจ้าพนักงานประเมินนั้น เป็นการให้อำนาจกำหนดสำหรับภาษีที่ถึงกำหนดชำระแล้วเท่านั้น มิใช่ให้อำนาจประเมินภาษีโดยกำหนดรายรับขั้นต่ำไว้เป็นการล่วงหน้ากรณีของโจทก์นั้นเจ้าพนักงานกำหนดรายรับขั้นต่ำครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527 ในอัตราไม่ต่ำกว่า 80,000 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2527เป็นต้นไป เห็นได้ว่าการกำหนดดังกล่าวนั้นเป็นการกำหนดรายรับล่วงหน้าก่อนที่จะถึงกำหนดที่โจทก์จะต้องยื่นแบบแสดงรายการการค้าเพื่อเสียภาษีการค้า การที่เจ้าพนักงานกำหนดรายรับขั้นต่ำใหม่เป็นเดือนละไม่ต่ำกว่า 67,000 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2527เป็นต้นไป โดยกำหนดออกมาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2528 ถึงแม้จะเป็นการกำหนดหลังจากเวลาที่ต้องยื่นแบบสำหรับเดือนพฤศจิกายน2527 ถึงเดือนกันยายน 2528 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ก็เป็นกรณีที่เกิดจากการโต้แย้งของโจทก์เกี่ยวกับจำนวนรายรับที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเดิมนั่นเอง อันเป็นเรื่องของการต่อรองสำหรับจำนวนที่กำหนดไว้เดิม ซึ่งในหนังสือแจ้งกำหนดรายรับขั้นต่ำใหม่ก็ได้อ้างถึงหนังสือที่แจ้งการกำหนดรายรับขั้นต่ำที่กำหนดครั้งก่อน และมีผลเป็นการกำหนดรายรับขั้นต่ำล่วงหน้าสำหรับภาษีการค้าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2527 เป็นต้นไปซึ่งในการกำหนดรายรับขั้นต่ำครั้งที่สองนี้โจทก์ก็โต้แย้งในเรื่องจำนวนรายรับขั้นต่ำที่กำหนดไว้อีกเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2528 เจ้าพนักงานจึงกำหนดรายรับขั้นต่ำใหม่เป็นเดือนละไม่ต่ำกว่า 51,000 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่เดือนธันวาคม2528 ตามที่ปรากฏในคำให้การจำเลย อันเป็นการกำหนดไว้เป็นการล่วงหน้าเช่นเดียวกัน ดังนั้นการกำหนดรายรับขั้นต่ำในแต่ละช่วงของเจ้าพนักงานนั้นจึงเป็นการกำหนดไว้เป็นการล่วงหน้าทั้งสิ้นตามคำให้การของจำเลยข้อ 1(ข) การที่เจ้าพนักงานทำการประเมินภาษีการค้าของโจทก์ก็เพราะโจทก์ยื่นแบบแสดงรายรับเพื่อเสียภาษีการค้าไว้ต่ำกว่ารายรับขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในแต่ละช่วงเท่านั้น มิใช่กรณีที่เกิดจากการตรวจสอบแล้วปรากฏว่าโจทก์ยื่นแบบแสดงรายการการค้าไว้ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาดทำให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียคลาดเคลื่อนไป ในเมื่อการกำหนดรายรับขั้นต่ำของเจ้าพนักงานเป็นการกำหนดล่วงหน้าในแต่ละช่วง อันเป็นการกำหนดที่ไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะกำหนดได้เช่นนั้น เจ้าพนักงานประเมินจึงหาอาจนำเอาเหตุที่โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการไว้ต่ำกว่ารายรับขั้นต่ำที่กำหนดขึ้น โดยมิชอบด้วยกฎหมายมาประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าเพิ่มได้ไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อวินิจฉัยดังนี้กรณีตามปัญหาที่จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์มาก็ไม่จำต้องวินิจฉัย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น คำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ทั้งหมด.