คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5811/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้นำส่งโดย เจ้าพนักงานขององค์การสื่อสารแห่งประเทศไทยมีผู้ลงลายมือชื่อรับแทนเป็นเอกสารตามใบตอบรับในประเทศของทางราชการ ทั้งการส่งก็เป็นการส่งตรงตามภูมิลำเนาของโจทก์และทนายโจทก์ที่ได้แจ้งไว้ต่อศาล จึงฟังได้ว่าได้นำส่งให้แก่โจทก์และทนายโจทก์โดยชอบแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 73 ทวิ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี โดยให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองและผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนแก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 และหากคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อให้โจทก์ไม่ได้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคา 484,000 บาท แทน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าขาดประโยชน์รวมเป็นเงิน 40,000 บาท และในอัตราเดือนละ10,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์หรือใช้ราคาแทน
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โดยศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ดังกล่าวในวันที่ 2มิถุนายน 2540 คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ไปศาลตามนัด ศาลชั้นต้นจึงงดอ่านคำพิพากษาดังกล่าว โดยถือว่าคู่ความทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 แล้ว
ต่อมาวันที่ 4 สิงหาคม 2540 โจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์เพิ่งทราบเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2540 ว่าได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2540โดยปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในสำนวนว่า ได้ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 โดยทางไปรษณีย์ตอบรับและมีผู้ลงลายมือชื่อรับไปรษณีย์ดังกล่าวเมื่อวันที่ 16 และ 17พฤษภาคม 2540 โจทก์ได้สอบถามพนักงานของโจทก์แล้ว ไม่ปรากฏว่า ในวันดังกล่าวมีพนักงานคนใดได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ดังกล่าว ขอให้ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ใหม่
จำเลยทั้งสองคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าโจทก์มีภูมิลำเนาสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 23 ถนนหนองจิกตำบลสะบารัง อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานีตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.ร.2 โจทก์ตั้ง นายเกียรติพงศ์วรรณกูล เป็นทนายความของโจทก์ โดยนายเกียรติพงศ์มีสำนักงานอยู่ที่ 399/9 หมู่ที่ 1 ถนนเพชรเกษม ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่จังหวัดสงขลาและเป็นที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัทอีซูซุ หาดใหญ่ จำกัด ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในวันที่ 2 มิถุนายน 2540 เวลา 9 นาฬิกาโดยมีหมายนัดแจ้งแก่โจทก์และทนายโจทก์ทราบและสั่งให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับเจ้าพนักงานขององค์การสื่อสารแห่งประเทศไทยได้ส่งแก่โจทก์ที่สำนักงานแห่งใหญ่ของโจทก์เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2540 ตามใบตอบรับในประเทศเอกสารหมาย ป.ล.1 (ศาลจังหวัดปัตตานี) กับส่งแก่ทนายโจทก์ที่สำนักงานตามที่ระบุไว้ในใบแต่งทนายความเมื่อวันที่ 16พฤษภาคม 2540 ตามใบตอบรับในประเทศเอกสารหมาย ป.ล.1(ศาลจังหวัดสงขลา)
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์และทนายโจทก์ทราบกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในวันที่ 2มิถุนายน 2540 โดยชอบแล้วหรือไม่ เห็นว่า โจทก์นำสืบโดยมีนางสาวพิมพ์ใจ แก่นทอง ลูกจ้างโจทก์ทำงานอยู่ในสำนักงานของโจทก์ นายศักดา แก้วมณี ทนายความประจำสำนักงานของโจทก์และนางสาวอภิญญา เอียดเส้ง ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการฝ่ายกฎหมายของสำนักงานทนายความโจทก์เบิกความลอย ๆ ทำนองปฏิเสธว่าไม่เคยได้รับหมายนัดที่ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับของศาลชั้นต้น แต่จำเลยทั้งสองนำสืบโดยมีนายอัศนี สาและ เจ้าพนักงานขององค์การสื่อสารแห่งประเทศไทยผู้ส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแก่โจทก์โดยนำส่งที่สำนักงานของโจทก์มาเบิกความประกอบใบตอบรับในประเทศเอกสารหมาย ป.ล.1(ศาลจังหวัดปัตตานี) ว่า ในวันที่ไปส่งมีพนักงานของโจทก์เป็นผู้รับไว้ ทราบชื่อภายหลังว่าชื่อนางซาลีมาน และยังได้ยืนยันว่าที่พยานไปส่งจดหมายหรือพัสดุให้แก่โจทก์ ส่วนมากนั้นนางซาลีมานจะเป็นคนรับ กับนายประสิทธิ์ มีบุญ เจ้าพนักงานขององค์การสื่อสารแห่งประเทศไทย ผู้ส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแก่ทนายโจทก์ที่สำนักงานทนายความเบิกความยืนยันว่าพยานเป็นผู้นำส่งให้แก่ผู้รับเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2540ผู้รับแทนคือ นางสาวสุมณฑา นามสกุล ไม่คด ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทอีซูซุหาดใหญ่ จำกัด พยานจึงได้ทำบันทึกไว้ในช่องผู้รับตามใบตอบรับในประเทศเอกสารหมาย ป.ล.1 (ศาลจังหวัดสงขลา)ดังนี้ เมื่อหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้นำส่งโดยเจ้าพนักงานขององค์การสื่อสารแห่งประเทศไทยซึ่งไม่มีส่วนได้เสียกับคู่ความในคดี ทั้งมีผู้ลงลายมือชื่อรับแทนเป็นเอกสารตามใบตอบรับในประเทศของทางราชการ การส่งก็เป็นการส่งตรงตามภูมิลำเนาของโจทก์และทนายโจทก์ที่ได้แจ้งไว้จึงฟังได้ว่าได้นำส่งให้แก่โจทก์และทนายโจทก์โดยชอบแล้ว เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 73 ทวิ บัญญัติว่าคำคู่ความหรือเอกสารที่เจ้าพนักงานศาลเป็นผู้ส่ง ไม่ว่าการส่งนั้นจะเป็นหน้าที่ของศาลจัดการส่งเองหรือคู่ความมีหน้าที่จัดการนำส่งก็ตาม ศาลอาจสั่งให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับโดยให้คู่ความฝ่ายมีหน้าที่นำส่งเป็นผู้เสียค่าธรรมเนียมไปรษณียากร กรณีเช่นนี้ให้ถือว่าคำคู่ความหรือเอกสารที่ส่งโดยเจ้าพนักงานไปรษณีย์มีผลเสมือนเจ้าพนักงานศาลเป็นผู้ส่ง ดังนั้น กรณีจึงฟังได้ว่าโจทก์และทนายโจทก์ได้ทราบกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 โดยชอบแล้วตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว
พิพากษายืน

Share