คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5811/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตสามารถกระทำความผิดต่อเนื่องในคราวเดียวกันได้
จำเลยกับพวกร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานทั่วไปด้วยการเรียกและรับเงินค่าบริการเป็นการตอบแทนจากคนหางานโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางก่อนจะไปหลอกลวงประชาชนรวมทั้งผู้เสียหายให้ไปสมัครงานกับจำเลยและพวก การกระทำดังกล่าวมีความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 4,30 วรรคหนึ่ง และ 82 สำเร็จแล้วกระทงหนึ่ง ส่วนที่จำเลยกับพวกไปหลอกลวงบรรดาประชาชนรวมทั้งผู้เสียหายผู้ซึ่งประสงค์จะเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศให้ไปสมัครงานกับจำเลยและพวกด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจำเลยและพวกสามารถจัดส่งคนงานรวมทั้งผู้เสียหายไปทำงานยังต่างประเทศในตำแหน่งงานและอัตราค่าจ้างตามที่คนหางานและผู้เสียหายต้องการได้ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยและพวกไม่สามารถที่จะจัดส่งบรรดาคนหางานและผู้เสียหายไปทำงานยังต่างประเทศได้ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายและประชาชนซึ่งเป็นคนหางานหลงเชื่อว่า ข้อความเท็จที่จำเลยและพวกหลอกลวงเป็นความจริง ต่างพากันมอบเงินค่าบริการจัดหางานเป็นการตอบแทนให้แก่จำเลยและพวก การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 83 สำเร็จแยกต่างหากจากความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 341, 343 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 30, 82 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้เงิน 559,000 บาท แก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก, 83 และ 91 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 30 (ที่ถูกมาตรา 30 วรรคหนึ่ง), 82 ฐานฉ้อโกงประชาชนปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 10,000 บาท จำเลยที่ 2 จำคุก 6 ปี ฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 60,000 บาท จำเลยที่ 2 จำคุก 3 ปี รวมปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 70,000 บาท จำเลยที่ 2 จำคุก 9 ปี ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้เงิน 559,000 บาท แก่ผู้เสียหาย หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานฉ้อโกงประชาชนจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด4 ปี เมื่อรวมกับความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 7 ปี หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับ ให้ยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลฎีกาสั่งรับฎีกาเฉพาะฎีกาข้อ 2.3 ซึ่งเป็นฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนฎีกาข้ออื่นเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนกับความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสองกับพวกสามารถกระทำความผิดต่อเนื่องในคราวเดียวกันได้กล่าวคือ การที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานทั่วไปด้วยการเรียกและรับเงินค่าบริการเป็นการตอบแทนจากคนหางาน โดยจำเลยทั้งสองกับพวกมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางก่อนที่จำเลยทั้งสองกับพวกจะไปหลอกลวงประชาชน รวมทั้งผู้เสียหายทั้งหกให้ไปสมัครงานกับจำเลยทั้งสองและพวก การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกมีความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 30 วรรคหนึ่ง และ 82 สำเร็จแล้วกระทงหนึ่ง ส่วนการที่จำเลยทั้งสองกับพวกไปหลอกลวงบรรดาประชาชนรวมทั้งผู้เสียหายทั้งหกผู้ซึ่งประสงค์จะเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศให้ไปสมัครงานกับจำเลยทั้งสองและพวกด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจำเลยทั้งสองและพวกสามารถจัดส่งคนหางานรวมทั้งผู้เสียหายทั้งหกไปทำงานยังต่างประเทศในตำแหน่งงานและอัตราค่าจ้างตามที่คนหางานและผู้เสียหายทั้งหกต้องการได้ ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยทั้งสองและพวกไม่สามารถที่จะจัดส่งบรรดาคนหางานและผู้เสียหายทั้งหกไปทำงานยังต่างประเทศได้ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งหกและประชาชนซึ่งเป็นคนหางานหลงเชื่อว่าข้อความเท็จที่จำเลยทั้งสองและพวกหลอกลวงเป็นความจริง ต่างพากันมอบเงินค่าบริการจัดหางานเป็นการตอบแทนให้แก่จำเลยทั้งสองและพวก การกระทำของจำเลยทั้งสองและพวกดังกล่าวย่อมเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 83 สำเร็จแยกต่างหากจากความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์เรียงกระทงลงโทษจำเลยทั้งสองนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share