คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5806/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อล่วงเลยระยะเวลา 72 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่จำเลยถูกจับโดยมิได้นำข้อยกเว้นที่กฎหมายมิให้นับเวลาเดินทางปกติที่นำผู้ต้องหาจากที่จับมายังที่ทำการพนักงานสอบสวนขึ้นวินิจฉัยด้วย ยังไม่เป็นการถูกต้องตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 7 ศาลชั้นต้นต้องดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงให้ได้ความก่อนว่าระยะเวลาที่กฎหมายยกเว้นมิให้นำมานับรวม เข้าดังกล่าวใช้เวลาเท่าใด แล้วจึงมีคำสั่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ฐานร่วมกันเล่นการพนันไพ่รัมมี่พนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘
ศาลชั้นต้นตรวจบันทึกการฟ้องด้วยวาจาของโจทก์แล้ว เห็นว่า เป็นคดีที่จำเลยทั้งสี่รับสารภาพ โจทก์จะต้องฟ้องจำเลยต่อศาลภายใน ๗๒ ชั่วโมงนับแต่เวลาถูกจับ โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ไม่รับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลล่างทั้งสองเห็นว่า โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสี่เมื่อล่วงเลยระยะเวลา ๗๒ ชั่วโมง ตามที่กฎหมายกำหนด จึงปฏิเสธไม่รับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา แต่ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแต่เพียงว่าโจทก์จะต้องฟ้องจำเลยภายใน ๗๒ ชั่วโมงนับแต่เวลาถูกจับ โดยมิได้นำข้อยกเว้นที่กฎหมายมิให้นับเวลาเดินทางตามปกติที่นำผู้ต้องหาจากที่จับมายังที่ทำการพนักงานสอบสวนขึ้นวินิจฉัยด้วย ยังไม่เป็นการถูกต้องตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญา ในศาลแขวง พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๗ และคดียังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเวลาที่กฎหมายยกเว้นมิให้นำมานับรวมเข้าดังกล่าวใช้เวลาเท่าใดจึงเห็นสมควรย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงให้ถูกต้องก่อน
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share