คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้สามัญที่นำยึดทรัพย์ที่จำนองมาขายทอดตลาด ตามคำสั่งศาลได้ร้องต่อศาลขอให้หักเงินที่ขายได้ใช้หนี้จำนองก่อนและขายทอดตลาดไปโดยปลอดจำนอง ดังนี้ เมื่อหักใช้หนี้จำนองแล้ว ถือว่าหนี้จำนองได้บังคับเอาจากทรัพย์สินที่จำนองเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ซื้อทอดตลาดทรัพย์นั้นไปย่อมได้กรรมสิทธิโดยปลอดจำนอง
เจ้าหนี้จำนองแม้จะเป็นคนเดียวกันกับเจ้าหนี้สามัญที่ขอให้ยึดทรัพย์จำนองมาขายทอดตลาด ก็ขอให้บังคับชำระหนี้จำนองโดยอาศัยบุริมสิทธิของตนก่อนได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 289

ย่อยาว

ความว่า ก.บิดาจำเลยเป็นเจ้าหนี้โจทก์อยู่ ๒ ราย คือหนี้เงินกู้ ๔๐๐ บาท และหนี้จำนองสวนยางรายพิพาท ๕๐๐๐ บาท หนี้เงินกู้ ก. ได้ฟ้องโจทก์และปราณีประนอมยอมความกัน ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์ไม่ใช้ในกำหนดตามยอมและคำบังคับของศาล ก.ได้ขอให้ศาลยึดสวนยางรายพิพาทขายทอดตลาดก่อนขาย ก.ได้ร้องขอศาลว่า โจทก์ได้จำนองสวนยางรายนี้เป็นเงิน ๕๐๐๐ บาท ขอให้หักเงินที่ขายได้ใช้หนี้จำนอง และขายทอดตลาดโดยไม่ติดจำนองศาลอนุญาต จำเลยซื้อทอดตลาดสวนยางพิพาทได้ในราคา ๕๐๗๐ บาท หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือเงินสุทธิ ๔,๗๙๑ บาทเศษ ซึ่งศาลจ่ายให้ ก. ในฐานะเจ้าหนี้จำนองทั้งหมด โจทก์มาฟ้องขอไถ่การจำนอง และขอให้ศาลสั่งว่าการขายทอดตลาดและหนังสือซื้อขายที่อำเภอทำให้จำเลยไม่ผูกพันโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่า การที่โจทก์ไม่ทราบการขายทอดตลาดโดยถูกญี่ปุ่นจับตัวไปหาทำให้การขายทอดตลาดเสียไปไม่ การที่ ก.ฟ้องเรียกเงินกู้โดยไม่ฟ้องบังคับจำนอง แต่ภายหลัง ก. ได้ขอให้หักชำระหนี้จำนอง ถือได้ว่า ก. ได้ปลดจำนองให้โจกท์สิทธิจำนองระงับไปตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๗๔๔ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า มิได้มีข้อห้ามจำกัดสิทธิเจ้าหนี้ไว้แต่อย่างใดว่า จะต้องฟ้องขอให้บังคับจำนองก่อนบังคับชำระหนี้สามัญ การที่ ก. นำยึดที่พิพาทและศาลสั่งขายทอดตลาด เป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษานั้นชอบแล้ว และการที่ ก. มายื่นคำร้องขอให้บังคับชำระหนี้จำนองโดยอาศัยอำนาจบุริมสิทธิโดยขอให้ศาลขายที่พิพาทโดยปลอดจำนองนั้นชอบด้วย ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๘๙ หนี้จำนองถูกบังคับเอาทรัพย์สินที่จำนองเสร็จสิ้นแล้ว
พิพากษายืน

Share