คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของเหมือแร่ให้เช่าเหมืองแร่ไปแล้ว ต่อมาให้ผู้อื่นเช่าอีกเมื่อผู้เช่ารายหลังเข้าไปทำในทรัพย์ที่เช่า ก็ถือว่าเจ้าของและผู้เช่ารายหลังทำละเมิดต่อผู้เช่ารายแรกต้องรับผิดชอบในความเสียหายให้แก่ผู้เช่ารายแรา.
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่เต็มตามฟ้องโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา แม้จะได้ความว่า ตามทางพิจารณาว่าโจทก์เสียหายมากกว่าที่ศาลชั้นต้นกะให้ ก็ไม่มีทางแก้ไข.

ย่อยาว

ได้ความว่า โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าเหมืองแร่ตามประทาน+++++รวม ๓ เหมืองของ+++มฤดกซึ่งจำเลยที่ ๑-๒ เป็นผู้จัดการ ภายหลังจำเลยที่ ๑-๒ ได้ทำสัญญายอมให้จำเลยที่ ๓ ถ่ายมูลดินลงในหลุมเหมือง และทำลายน้ำผ่านหลุมเหมืองที่โจทก์เช่าอยู่โดยมิไดรับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลทำลายสัญญาระหว่างจำเลย และขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ด้วย.
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ๑๒๐๐๐ บาท
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำของจำเลยเช่นนี้ เห็นได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ของโจทก์ จึงต้องรับใช้ค่าเสียหายให้โจทก์แต่ค่าเสียหายนี้โจทก์ฟ้องเรียก ๒๐๐๐๐ บาทและสืบพะยานคำนวณค่าเสียหายในการจะต้องขุดมูลดินทรายขึ้นว่าราว ๑๐๐๐๐๐ บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๑๒๐๐๐ บาท โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา แม้ทรงพิจารณาจะได้ความว่า++++อาจต้องเสียหายมากกว่านี้ ก็ไม่มีทางแก้ไข ศาลฎีกาคงพิพากษายืน.

Share