คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5793/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เอาประกันชีวิตทราบก่อนทำสัญาประกันชีวิตกับจำเลยว่าตนเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังจนตับอักเสบแต่มิได้แจ้งให้ จำเลยทราบ ซึ่งหากจำเลยทราบก็อาจเรียกเบี้ยประกันสูงขึ้นหรือไม่รับประกันชีวิต สัญญาประกันชีวิตจึงเป็นโมฆียะ จำเลยมีสิทธิบอกล้างได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้เอาประกันชีวิตตายหรือไม่ หรือตายด้วยเหตุใด ดังนั้น เมื่อผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยจึงชอบที่จะบอกล้างสัญญาประกันชีวิตอันเป็นโมฆียะต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินตามสัญญาประกันชีวิต
จำเลยให้การว่า จ.ผู้เอาประกันชีวิตไม่เปิดเผยข้อเท็จจริงให้จำเลยทราบว่าเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง หากจำเลยทราบจำเลยจะไม่รับประกันชีวิตรายนี้ สัญญาจึงเป็นโมฆียะ จำเลยบอกล้างแล้วจึงตกเป็นโมฆะ จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนเบี้ยประกันที่รับไปแล้ว คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จ.ทราบก่อนทำสัญญาประกันชีวิตว่าตนเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังจนตับอักเสบ แต่หาได้แจ้งให้จำเลยทราบ ซึ่งหาก จ.ได้แถลงความจริงดังกล่าวให้จำเลยทราบจำเลยอาจเรียกเบี้ยประกันสูงขึ้น หรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาประกันชีวิตรายนี้ก็ได้ สัญญาประกันชีวิตจึงเป็นโมฆียะ ปัญหาว่า จ.ตายโดยถูกไฟดูดมิได้ถึงแก่ความตายโดยโรคซึ่งผู้ตายเคยป่วยและรักษาตัวที่โรงพยาบาล จำเลยจะมีสิทธิบอกล้างนิติกรรมสัญญาประกันชีวิตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๖๕ หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๖๕ นี้ มีความมุ่งหมายเพียงว่าหากข้อเท็จจริงที่ผู้เอาประกันชีวิตรู้อยู่แล้วละเว้นเสีย ไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีก หรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญาหรือว่ารู้อยู่แล้วแถลงข้อความนั้นเป็นความเท็จแล้ว สัญญาดังกล่าวย่อมเป็นโมฆียะและเมื่อเป็นโมฆียะแล้ว ผู้รับประกันภัยย่อมมีสิทธิที่จะบอกล้างนิติกรรมดังกล่าวได้ โดยมิต้องคำนึงว่าผู้เอาประกันภัยจะถึงแก่ความตายหรือไม่ หรือด้วยเหตุใดจำเลยจึงมีสิทธิบอกล้างนิติกรรมสัญญาประกันชีวิตได้ และเมื่อผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตายไปแล้ว จำเลยจึงชอบที่จะบอกล้างนิติกรรมสัญญาต่อผู้รับประโยชน์อันได้แก่โจทก์ทั้งสี่ในคดีนี้ได้
พิพากษายืน

Share