คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5792/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรจำนวน 22 เม็ด ตามคำฟ้องข้อ 1 ข แยกกับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำฟ้องข้อ 1 ค ก็ตาม แต่คำฟ้องข้อ 1 ค โจทก์ได้บรรยายไว้โดยแจ้งชัดแล้วว่าเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยนำมาจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในราชอาณาจักรจึงเป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกัน ซึ่งมีจำนวนหน่วยการใช้และปริมาณน้ำหนักสารบริสุทธิ์ที่กฎหมายให้ถือว่าเป็นการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายเท่ากัน ทั้งโจทก์ได้อ้างบทมาตราขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายแล้ว ถือได้ว่าคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายไว้โดยชัดแจ้งว่า จำเลยกระทำความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนของกลางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) (6) แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2546 เวลากลางวัน จำเลยซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าวเชื้อชาติกัมพูชา สัญชาติกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านช่องทางที่กำหนดไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่มีหนังสือเดินทางอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ทั้งนำเมทแอมเฟตามีนซึ่งป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 22 เม็ด น้ำหนัก 2.10 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.50 กรัม จากราชอาณาจักรกัมพูชาเข้ามาในราชอาณาจักร กับมีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และนำหรือพารถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 สีแดงดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หมายเลขตัวรถ เอ็นเอฟ 100 ดี-0037061 อันมีถิ่นกำเนิดหรือผลิตในราชอาณาจักรและยังไม่ได้ผ่านพิธีศุลกากรโดยถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ประเมินราคารถจักรยานยนต์ดังกล่าวแล้วเป็นเงิน 12,000 บาท ออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่านด่านศุลกากรให้ถูกต้อง เหตุเกิดที่ตำบลเทพนิมิต อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยได้พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวและถุงพลาสติกที่จำเลยใช้บรรจุเมทแอมเฟตามีน เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66, 102 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 4, 11, 18, 62 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนและถุงพลาสติกของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหานำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ปฏิเสธข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหานำสิ่งของต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 65 วรรคสอง, 66 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานนำเข้าเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52 (2) คงจำคุกตลอดชีวิต ริบเมทแอมเฟตามีนและถุงพลาสติกของกลาง ข้ออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 65 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานนำเข้าเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกตลอดชีวิตและปรับ 5,000,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี และปรับ 2,500,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ทั้งนี้ให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับความผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานนำสิ่งของต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร โจทก์มิได้อุทธรณ์ คดีในส่วนของความผิดดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีคงมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานนำเข้าเมทแอมเฟตามีนชอบหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์บรรยายไว้แจ้งชัดแล้วว่า จำเลยนำเมทแอมเฟตามีนของกลางเข้ามาในราชอาณาจักรและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และขอให้ศาลลงโทษในความผิดดังกล่าวด้วย ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายแล้ว เห็นว่า เมื่อพิจารณาคำฟ้องโจทก์ที่บรรยายเกี่ยวกับความผิดดังกล่าว ตามคำฟ้อง ข้อ 1 ข บรรยายฟ้องว่า “จำเลยได้บังอาจนำเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของเมทแอมเฟตามีนและเป็นอนุพันธ์เมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ จำนวน 22 เม็ด เข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” และคำฟ้องข้อ 1 ค บรรยายฟ้องว่า “จำเลยบังอาจมีเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของเมทแอมเฟตามีนและเป็นอนุพันธ์ของเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 ดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ข จำนวน 22 เม็ด ซึ่งเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยนำมาจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในราชอาณาจักรไทยดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ข ไว้ในครอบครองของจำเลยเพื่อจำหน่าย อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” จะเห็นได้ว่า แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 22 เม็ด เข้ามาในราชอาณาจักรตามคำฟ้องข้อ 1 ข แยกกับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำฟ้องข้อ 1 ค ก็ตาม แต่คำฟ้อง ข้อ 1 ค โจทก์ได้บรรยายไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่าเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยนำมาจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในราชอาณาจักรจึงเป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกัน ซึ่งมีจำนวนหน่วยการใช้และปริมาณน้ำหนักสารบริสุทธิ์ที่กฎหมายให้ถือว่าเป็นการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายเท่ากัน ทั้งโจทก์ได้อ้างบทมาตราขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายไว้แล้ว ถือได้ว่าคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่า จำเลยกระทำความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนของกลางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) (6) แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยนำเข้าเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายและพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดเพียงฐานนำเข้าเมทแอมเฟตามีนนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2), 65 วรรคสอง, 66 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานนำเข้าซึ่งเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย ซึ่งกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คงจำคุก 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2.

Share