คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกับสามีจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ก. ได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้บริษัท น. บริษัท น. ไม่ได้จ่ายเงินค่ารถยนต์ให้แก่ร้าน ก. แต่ได้หักหนี้ที่ร้าน ก.เป็นหนี้บริษัท น. อยู่ ดังนี้ จำเลยมิได้รับเงินค่ารถยนต์จากบริษัท น. ไว้แทนผู้เสียหายเลยจำเลยจึงไม่อาจเบียดบังเอาเงินดังกล่าวได้ การที่จำเลยไม่ยอมชำระเงินค่ารถยนต์แก่ผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 35,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 ลงโทษจำคุก 6 เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน35,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าร้านกรุงธนกลการซึ่งเป็นร้านของจำเลยและนายนเรศวร์ บุตรท้วมสามีจำเลย ได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายคันพิพาทไปขายให้บริษัทนอร์ทเทอร์นซับพลาย จำกัด ในราคา 35,000 บาท ปัญหา วินิจฉัยมีว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกเงินจำนวนดังกล่าวหรือไม่ เห็นว่ากรณีจะเป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352วรรคแรก จะต้องได้ความว่าจำเลยได้ครอบครองเงินจำนวนดังกล่าวของผู้เสียหายไว้แล้วทุจริตเบียดบังเอาเงินนั้น คดีนี้ปรากฏตามทางนำสืบของโจทก์เองโดยนายวิทยา สุขเมืองมา หุ้นส่วนผู้จัดการห้างผู้เสียหาย และนางทวีวัฒน์ วานิชสุขสมบัติ ผู้จัดการบริษัทนอร์ทเทอร์นซับพลาย จำกัด พยานโจทก์ เบิกความว่าบริษัทนอร์ทเทอร์นซับพลาย จำกัด ไม่ได้จ่ายเงินค่ารถยนต์ให้แก่ร้านกรุงธนกลการ แต่ได้หักหนี้ที่ร้านกรุงธนกลการเป็นหนี้บริษัทดังกล่าวอยู่แสดงว่าจำเลยไม่เคยได้รับเงินค่ารถยนต์จำนวน 35,000บาท จากบริษัทนอร์ทเทอร์นซับพลาย จำกัด ไว้แทนผู้เสียหายเลยจำเลยจึงไม่อาจเบียดบังเอาเงินดังกล่าวได้ กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องใช้สิทธิเรียกร้องเอาเงินค่ารถยนต์จากจำเลยในทางแพ่ง การที่จำเลยไม่ยอมชำระเงินค่ารถยนต์แก่ผู้เสียหายหาเป็นความผิดอาญาฐานยักยอกทรัพย์ไม่…”
พิพากษายืน

Share