คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5779/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2528 จำเลยยื่นอุทธรณ์ฉบับแรกเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2528 พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันที่ 6 เมษายน 2528 เพื่อจะทำอุทธรณ์ฉบับสมบูรณ์มายื่นเพิ่มเติม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับเป็นอุทธรณ์ของจำเลยและอนุญาตให้ขยายระยะเวลาได้ตามขอจำเลยยื่นอุทธรณ์ฉบับที่สองอันเป็นฉบับเพิ่มเติมผ่านเรือนจำกลางชลบุรี แต่ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นขยายให้ครบกำหนดในวันที่ 21 เมษายน 2528 ตรงกับวันอาทิตย์เป็นวันหยุดราชการ อุทธรณ์เพิ่มเติมของจำเลยที่ยื่นในวันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2528 ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดทำการย่อมเป็นการยื่นภายในกำหนดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์เพิ่มเติมของจำเลย และไม่ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้จำเลยทราบ จึงไม่ทราบว่าจำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ หรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไปโดยไม่ให้โอกาสจำเลยใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งก่อน จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๒๗ เวลากลางวัน จำเลยบังอาจกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันคือ จำเลยบังอาจมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์อันเป็นเกลือของ เฮโรอีนบรรจุอยู่ในหลอดดูดเครื่องดื่มรวม ๑๓ หลอด หนัก ๐.๖๓ กรัม อันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท ๑ และบังอาจนำเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวนดังกล่าวอันเป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎกระทรวงมหาดไทย ออกตามความในมาตรา ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ ข้อ ๑๒๗ (๑) เข้าไปในเรือนจำกลางชลบุรีเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว เหตุเกิดที่ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดมาแล้วในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนถูกจำคุกมีกำหนด ๕ ปี ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๔๔๐/๒๕๒๔ ของศาลชั้นต้น แล้วมากระทำผิดในคดีนี้อีก และจำเลยเป็นจำเลยที่ ๒ ในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ ๒๔๔๐/๒๕๒๔ ของศาลนี้ด้วย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔,๗,๑๕, ๖๖, ๖๗,๑๐๒,๑๐๓ ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ มาตรา ๔๕, ๕๘ กฎกระทรวงมหาดไทย ออกตามความในมาตรา ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ข้อ ๑๒๗ (๑) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ให้เรียงกระทงลงโทษ ริบเฮโรอีนของกลางเพิ่มโทษจำเลยและนับโทษของจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๔๔๐/๒๕๒๔ ของศาลชั้นต้นด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเคยต้องโทษจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕, ๖๖, ๖๗, ๙๗ วางโทษจำคุก ๕ ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งเป็นโทษจำคุก ๗ ปี ๖ เดือน ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ ของกลางริบ นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๔๔๐/๒๕๒๔ ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยมิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายโดยแจ้งชัด จึงเป็นอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๓ วรรคสอง ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ปรากฏว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๒๘ จำเลยยื่นอุทธรณ์ฉบับแรกเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๒๘ พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก ๑๕ วัน นับแต่วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๒๘ เพื่อจะทำอุทธรณ์ฉบับสมบูรณ์มายื่นเพิ่มเติม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับเป็นอุทธรณ์ของจำเลยและอนุญาตให้ขยายเวลาได้ตามขอ จำเลยยื่นอุทธรณ์ฉบับที่สองอันเป็นฉบับเพิ่มเติมผ่านเรือนจำกลางชลบุรี แต่ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นขยายให้ครบกำหนดในวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๒๘ ตรงกับวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดราชการอุทธรณ์เพิ่มเติมของจำเลยที่ยื่นในวันจันทร์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๒๘ อันเป็นวันแรกที่เปิดทำการ ย่อมเป็นการยื่นภายในกำหนดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์เพิ่มเติมของจำเลย และมิได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้จำเลยทราบจึงไม่ทราบว่าจำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญามาตรา ๑๙๘ ทวิ หรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาไปให้ศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไปโดยมิได้ให้โอกาสจำเลยใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่ง ก่อน จึงเป็นการไม่ชอบ
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้จำเลยทราบคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เพิ่มเติมของศาลชั้นต้น แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปใหม่ตามกฎหมายและตามรูปคดี

Share