แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาทั้งหมดของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 69 แผ่นที่ 3)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3จำคุก 3 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 61)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 63)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำคุกจำเลย 3 เดือน โดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า จำเลยได้ออกเช็ค 3 ฉบับชำระหนี้ค่าไม้ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงเลื่อยจักรชื้อฮะฮวด เช็คดังกล่าวถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงได้ออกเช็คเอกสารหมาย จ.1 และอีก 2 ฉบับแทนเช็คฉบับเดิมที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินมอบให้นายชัยฤทธิ์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวนายชัยฤทธิ์ได้โอนเช็คเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งเป็นเช็คออกให้แก่ผู้ถือแก่โจทก์โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ เป็นผู้เสียหาย จำเลยฎีกาว่าพยานโจทก์แตกต่างขัดกันฟังไม่ได้ว่านายชัยฤทธิ์ได้โอนเช็คให้แก่โจทก์ เพียงแต่ฝากเช็คให้โจทก์เข้าบัญชีแทน พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้หรือไม่ว่านายชัยฤทธิ์ได้โอนเช็คตามฟ้องให้แก่โจทก์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ยกคำร้อง