คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5764/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยตกลงประนีประนอมยอมความโดยจำเลยจะไปดำเนินการจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่1915และ23121ตามเนื้อที่ดินทั้งหมดในโฉนดให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่16281ของโจทก์ศาลพิพากษาตามยอมการที่ต่อมาจำเลยจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่1915และ23121ให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่23115ถึง23120ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแต่ผู้เดียวนั้นจำเลยชอบที่จะทำได้และการจดทะเบียนภารจำยอมดังกล่าวก็มิใช่เป็นการจำหน่ายหรือทำให้ภารจำยอมของโจทก์ตกไปในบังคับแห่งสิทธิอื่นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นต้องลดลงไปหรือเสื่อมความสะดวกแก่การใช้แต่อย่างใด

ย่อยาว

คดี สืบเนื่อง มาจาก ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย รื้อถอน สิ่ง กีดขวางทุก ชนิด และ นำ สิ่ง กีดขวาง ออกจาก ทางภารจำยอม ตาม สัญญา ประนีประนอมยอมความ เอกสาร หมาย จ. 13 และ จ. 14 ให้ จำเลย ไป ดำเนินการ จดทะเบียนทางภารจำยอม ใน ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1915 ตาม เนื้อที่ดิน ทั้งหมด ใน โฉนดที่ดิน โฉนด เลขที่ 23121 ตาม เนื้อที่ดิน ทั้งหมด ใน โฉนด และ ที่ดินโฉนด เลขที่ 23122 ใน เนื้อที่ดิน ต่อเนื่อง กับ ทางภารจำยอม สาย ที่ 1ออก สู่ ทาง สาธารณประโยชน์ โดย ให้ มี ความ กว้าง 4 เมตร ให้ แก่ ที่ดินโฉนด เลขที่ 16281 หาก ไม่ปฏิบัติ ตาม ให้ ถือ คำพิพากษา นี้ แทน การแสดง เจตนา ของ จำเลย กับ ให้ จำเลย ใช้ ค่าเสียหาย เป็น เงิน 294,000 บาทและ ค่าเสียหาย ต่อไป อีก วัน ละ 700 บาท นับ จาก วันฟ้อง (26 กันยายน2532) ไป จนกว่า จำเลย รื้อถอน และ นำ สิ่ง กีดขวาง ตาม สัญญา ประนีประนอมยอมความ จำเลย อุทธรณ์ คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
ระหว่าง การ พิจารณา ของ ศาลอุทธรณ์ จำเลย ยื่น คำร้องขอ คุ้มครองประโยชน์ ชั่วคราว ก่อน พิพากษา โดย จำเลย ขออนุญาต ทำนิติกรรม จดทะเบียนภารจำยอม ใน ที่ดินพิพาท โฉนด เลขที่ 1915, 23121 และ 23122ดังกล่าว ข้างต้น ให้ แก่ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 23115 ถึง 23120
ศาลอุทธรณ์ มี คำสั่ง ว่า แม้ จะ อนุญาต ให้ จำเลย ทำนิติกรรม จดทะเบียนภารจำยอม ใน ที่ดินพิพาท ให้ แก่ ที่ดิน แปลง อื่น ก็ ไม่ กระทบ ถึง สิทธิของ โจทก์ ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น จึง อนุญาต ให้ จำเลย ทำนิติกรรมจดทะเบียน ภารจำยอม ใน ที่ดินพิพาท ให้ แก่ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 23115ถึง 23120 ให้ ศาลชั้นต้น แจ้ง คำสั่ง ให้ เจ้าพนักงาน ที่ดิน ทราบ
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ที่ โจทก์ ฎีกา ว่า ที่ ศาลอุทธรณ์ อนุญาตให้ จำเลย ทำนิติกรรม จดทะเบียน ภารจำยอม ใน ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1915เลขที่ ดิน 1473 และ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 23121 เลขที่ ดิน 12937 ให้ แก่ที่ดิน โฉนด เลขที่ 23115 ถึง 23120 ตำบล คลองสาน (บางไส้ไก่ฝั่งเหนือ) อำเภอ คลองสาน (บางลำภูล่าง) กรุงเทพมหานคร ด้วย จะ ทำให้ โจทก์ เสียประโยชน์ และ ขัดขวาง การ บังคับคดี ตาม คำพิพากษาถ้า จำเลย แพ้ คดี โจทก์ กับ เป็นเหตุ ให้ ประโยชน์ แห่ง ภารจำยอม ของ โจทก์ลดลง หรือ เสื่อม ความสะดวก ไป นั้น เห็นว่า ที่ดิน โฉนด เลขที่ 1915ถึง 23120 ทั้ง 2 แปลง ดังกล่าว และ ที่ดิน อีก 6 แปลง ตาม โฉนดเลขที่ 23115 ถึง 23120 เป็น กรรมสิทธิ์ ของ จำเลย แต่ ผู้เดียว จำเลยชอบ ที่ จะ จดทะเบียน ภารจำยอม ใน ที่ดิน ทั้ง 2 แปลง ดังกล่าว ให้ แก่ ที่ดินของ จำเลย อีก 6 แปลง ได้ ทั้ง การ จดทะเบียน ภารจำยอม ของ จำเลย ดังกล่าวก็ มิใช่ เป็น การ จำหน่าย หรือ ทำให้ ภารจำยอม ของ โจทก์ ตก ไป ใน บังคับแห่ง สิทธิ อื่น การกระทำ ของ จำเลย จึง ไม่เป็นเหตุ ให้ ประโยชน์ แห่งภารจำยอม ของ โจทก์ ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น ต้อง ลดลง ไป หรือ เสื่อมความสะดวก แก่ การ ใช้ แต่อย่างใด คำสั่งศาล อุทธรณ์ ชอบแล้ว ฎีกา โจทก์ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share