แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ออกไปเที่ยวใช้หนังสติ๊กยิงด้วยกระสุนในทางเดินสาธารณะในเวลากลางคืนจนเกิดเหตุคดีนี้ ทั้งปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 มักออกเที่ยวกลางคืนด้วยกันบ่อย ๆ การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 แสดงว่า บิดามารดามิได้ดูแลอบรมสั่งสอนตามสมควรแก่หน้าที่ ระหว่างนั้นแม้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 จะไปอยู่บ้านญาติช่วยเลี้ยงกระบือหรือช่วยทำนา แต่การที่ผู้เยาว์ทำละเมิดในขณะที่มิได้พักอาศัยอยู่กับบิดามารดา ย่อมมิใช่ข้อที่บิดามารดาจะยกขึ้นปฏิเสธความรับผิดได้ จำเลยที่ 5 และจำเลยที่ 7 ถึงที่ 10นำสืบเพียงว่าได้สั่งสอนให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ให้เป็นคนดี มิได้พิสูจน์ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 อายุ 16 ปี มีจำเลยที่ 5 ที่ 6 เป็นบิดามารดาผู้ใช้อำนาจปกครองและผู้แทนโดยชอบธรรม จำเลยที่ 2 อายุ18 ปี มีจำเลยที่ 7 เป็นบิดาผู้ใช้อำนาจปกครองและผู้แทนโดยชอบธรรมจำเลยที่ 3 อายุ 15 ปี มีจำเลยที่ 8 เป็นมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองและผู้แทนโดยชอบธรรม จำเลยที่ 4 อายุ 16 ปี มีจำเลยที่ 9 ที่ 10เป็นบิดามารดาผู้ใช้อำนาจปกครองและผู้แทนโดยชอบธรรม จำเลยที่ 1ถึงที่ 4 ร่วมกันใช้หนังสติ๊ก 4 อัน ยิงประทุษร้ายโจทก์ถูกบริเวณลำตัว ใบหน้า ตาข้างขวา เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสตาข้างขวาบอด จำเลยที่ 5 ถึงที่ 10 มีหน้าที่ปกครองดูแลและใช้ความระมัดระวังไม่ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ไปก่อเหตุร้ายและละเมิดต่อบุคคลอื่น แต่หาได้ปกครองดูแลและใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอดังเช่นบิดามารดาทั่วไปไม่ ขอให้จำเลยทั้งสิบร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และจำเลยที่ 6 ถึงที่ 10 ให้การว่า โจทก์มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดโดยก่อเหตุขึ้นก่อน จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายมากดังฟ้อง จำเลยที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 10 ใช้ความระวังตามควรแก่หน้าที่ของตนแล้ว จำเลยที่ 6 ถึงแก่กรรมนานแล้ว
ระหว่างพิจารณา โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 6 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 10 ร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 97,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และจำเลยที่ 7 ถึงที่ 10 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 10 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 อายุ 16 ปี 18 ปี 14 ปี และ17 ปี ตามลำดับ ซึ่งเป็นผู้เยาว์ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ได้ร่วมกันใช้หนังสติ๊กยิงทำร้ายโจทก์ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสตาข้างขวาบอดศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 คดีถึงที่สุดแล้วตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2306/2519 มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นบิดาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 7 ซึ่งเป็นบิดาจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 8 ซึ่งเป็นมารดาจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 9ที่ 10 ซึ่งเป็นบิดามารดาจำเลยที่ 4 จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ในผลของการละเมิดของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4หรือไม่ เห็นว่าเป็นกรณีอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 429 กล่าวคือจำเลยที่ 5 ที่ 7 ที่ 8 และที่ 9 ที่ 10 ซึ่งเป็นบิดามารดาจะต้องพิสูจน์ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น จำเลยที่ 5 เบิกความว่าจำเลยที่ 5สั่งสอนเลี้ยงดูจำเลยที่ 1 อย่างดี จำเลยที่ 7 เบิกความว่าให้จำเลยที่ 2 ไปอยู่บ้านนางช่วงเพื่อช่วยทำนาได้ประมาณหนึ่งเดือนครึ่งจึงเกิดเหตุคดีนี้ หากจำเลยที่ 2 จะไปไหนต้องได้รับอนุญาตจากจำเลยที่ 7 จำเลยที่ 8 เบิกความว่า ให้จำเลยที่ 3 ไปอยู่บ้านนายอุยช่วยเลี้ยงกระบือ ไปอยู่ได้เดือนเศษก็เกิดเหตุคดีนี้ จำเลยที่ 8 สั่งสอนจำเลยที่ 3 ให้เป็นคนดี จำเลยที่ 9 ที่ 10 เบิกความในทำนองเดียวกันว่าได้ให้จำเลยที่ 4 ไปช่วยนางแช่มทำนา ระหว่างนั้นก็เกิดเหตุคดีนี้ จำเลยที่ 9 ที่ 10 ได้สั่งสอนให้จำเลยที่ 4 เป็นคนดี แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าคืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 21 นาฬิกาเป็นเวลาดึกแล้ว จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ได้ออกไปเที่ยวใช้หนังสติ๊กยิงด้วยกระสุนในทางเดินสาธารณะจนเกิดเหตุคดีนี้ ทั้งตามคำเบิกความของจำเลยที่ 10 ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 มักออกเที่ยวกลางคืนด้วยกันบ่อย ๆ เห็นว่า การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 แสดงว่าบิดามารดามิได้ดูแลอบรมสั่งสอนตามสมควรแก่หน้าที่ ระหว่างนั้นแม้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 จะไปอยู่บ้านญาติช่วยเลี้ยงกระบือหรือช่วยทำนา แต่การที่ผู้เยาว์ทำละเมิดในขณะที่มิได้พักอาศัยอยู่กับบิดามารดา ย่อมมิใช่ข้อที่บิดามารดาจะยกขึ้นปฏิเสธความรับผิดได้จากการนำสืบของจำเลยที่ 5 ที่ 7 ที่ 8 และที่ 9 ที่ 10 ดังกล่าวข้างต้นก็มิได้พิสูจน์ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น จำเลยที่ 5 ที่ 7 ที่ 8 และที่ 9 ที่ 10 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1ถึงที่ 4
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.