คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์มอบแจกันพิพาทให้แก่จำเลยไว้เป็นประกันเงินกู้เข้าลักษณะจำนำตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747 โจทก์ได้ชำระหนี้และรับแจกันคืนมาเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2522 พบว่าแจกันปากแตกบิ่นจึงฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความบุบสลายอันผู้รับจำนำก่อให้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2522 พ้น 6 เดือน นับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินจำนำตาม มาตรา 763(1) คดีขาดอายุความแล้ว

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์บรรยายฟ้องใจความว่าเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2519 โจทก์ที่ 1 ได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินจำเลยไป 50,000 บาท โดยโจทก์ที่ 2 เป็นสามีผู้ให้ความยินยอมและค้ำประกันและโจทก์ได้มอบ น.ส.3 1 ฉบับ หนังสือมอบอำนาจ 1 ฉบับ พร้อมแจกันลายมังกรจีนเก่า 1 คู่ เป็นหลักประกันหนี้รายนี้ ต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความตามคดีหมายเลขแดงที่ 11468/2520 ของศาลแพ่ง ชำระหนี้กันเรียบร้อยแล้ว โจทก์ได้รับแจกันทั้งคู่คืนมาจากจำเลยเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2522 จึงพบว่าแจกันใบหนึ่งซึ่งเป็นของเก่าหายากอายุประมาณ 300 ปี ปากแตกบิ่น 1 แห่งไม่อยู่ในสภาพเดิม ราคาสองแสนบาท จำเลยต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ เห็นได้ว่า ตามฟ้องโจทก์ได้มอบแจกันพิพาทให้แก่จำเลยไว้เป็นประกันเงินกู้ จึงเข้าลักษณะจำนำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747 แม้จำเลยจะให้การปฏิเสธตอนแรกว่าแจกันมีสภาพปากแตกร้าวอยู่เดิม แต่ต่อมาจำเลยก็ได้แถลงยอมรับว่าแจกันดังกล่าวปากแตกร้าวเสียหายระหว่างอยู่ในความครอบครองของจำเลยจริง ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้รับแจกันคืนมาจากจำเลยเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2522 แล้วนำคดีนี้มาฟ้องเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2522 และเป็นการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความบุบสลายอันผู้รับจำนำก่อให้เกิดแก่ทรัพย์สินจำนำ จึงเป็นการฟ้องคดีเมื่อพ้น 6 เดือนนับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินจำนำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 763(1) และมิใช่เป็นกรณีละเมิดซึ่งมีอายุความ 1 ปีตามที่โจทก์ฎีกา ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความนั้นชอบแล้ว”

พิพากษายืน

Share