คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ตามหลักการทั่วไปเกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้ว ซึ่งปรากฏอยู่ใน พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 44 นั้น เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้านั้นสำหรับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ เท่ากับว่าเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้วมีสิทธิที่จะหวงกันมิให้บุคคลอื่นนำเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของตนไปใช้กับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้เท่านั้น เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องห้ามจำเลยใช้ชื่อนิติบุคคลและดวงตรานิติบุคคลของจำเลย ซึ่งไม่ใช่เป็นการใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าที่โจทก์ได้จดทะเบียนไว้โดยตรง โจทก์ย่อมไม่อาจอ้างสิทธิตามที่มีในเครื่องหมายการค้าเพื่อที่จะขอบังคับจำเลยเช่นนี้ได้ โจทก์จะต้องใช้สิทธิตามช่องทางของกฎหมายนั้น ๆ ในการขอให้ศาลบังคับตามคำฟ้องของโจทก์
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 18 นั้น บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามหรือชื่อทางการค้าซึ่งต้องเสื่อมเสียประโยชน์เพราะการที่มีผู้อื่นมาใช้นามหรือชื่อทางการค้าเดียวกันโดยมิได้รับอำนาจให้ใช้ จะร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามมิให้ใช้นามหรือชื่อทางการค้านั้นได้ต่อเมื่อการใช้นามหรือชื่อทางการค้าดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายหรือเป็นที่พึงวิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไป และผู้เป็นเจ้าของนามหรือชื่อทางการค้านั้นมีหน้าที่นำสืบถึงความเสียหายดังกล่าว แต่ความเสียหายจากการไม่จดทะเบียนชื่อนิติบุคคลก็ดี หรือความเสียหายจากการไม่อนุญาตให้ใช้สิทธิตามที่กล่าวอ้างก็ดียังไม่ใช่ความเสียหายที่จะกล่าวอ้างในการห้ามมิให้จำเลยใช้ชื่อนิติบุคคลของตน แม้การใช้ชื่อนิติบุคคลจะคล้ายกัน แต่เป็นเรื่องของสิทธิในการใช้ชื่อของบุคคล เมื่อคำว่า “SUN” และ “SWEET” เป็นคำสามัญทั่วไป ไม่ใช่คำประดิษฐ์คิดขึ้นเอง ดังนั้นบุคคลทั่วไปรวมทั้งจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะใช้ได้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าสินค้าหลักของโจทก์คือลูกพรุนและน้ำลูกพรุนในขณะที่สินค้าหลักของจำเลยเป็นข้าวโพด จึงฟังไม่ได้ว่าธุรกิจของจำเลยแข่งขันโดยตรงกับธุรกิจของโจทก์จนกระทบกระเทือนผลประโยชน์ของโจทก์ อันจะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ส่วนกรณีที่สาธารณชนอาจสับสนหลงผิดว่ากิจการของจำเลยเกี่ยวข้องกับโจทก์นั้น ไม่เป็นสาเหตุเพียงพอที่โจทก์จะใช้สิทธิห้ามจำเลยใช้ชื่อนิติบุคคลได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาและเป็นเจ้าของชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้าอักษรโรมันคำว่า SUNSWEET และ SUNSWEET กับรูปดวงอาทิตย์ประดิษฐ์ (SUNSWEET และ SUNSWEET) โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวจนเป็นเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไปและได้จดทะเบียนไว้แล้วในประเทศไทย ต่อมาจำเลยนำอักษรโรมันคำว่า SUNSWEET (อ่านว่า “ซันสวีท”) ไปยื่นจดเป็นชื่อนิติบุคคลว่า “บริษัทซัน สวีท จำกัด” ซึ่งเป็นการกระทำโดยไม่สุจริต และละเมิดสิทธิในชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้าของโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อนิติบุคคลและดวงตรานิติบุคคลของจำเลย โดยไม่ให้มีคำว่า SUNSWEET, SUNSWEET กับรูปดวงอาทิตย์ประดิษฐ์, ซันสวีทหรือซันสวีตอยู่เป็นส่วนหนึ่งของชื่อนิติบุคคลและดวงตรานิติบุคคลของจำเลยอีกต่อไป หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตให้จองชื่อ คำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและคำสั่งรับจดทะเบียนดวงตราบริษัทของจำเลย ให้จำเลยยุติการแสดงชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้าคำว่า SUNSWEET, SUNSWEET กับรูปดวงอาทิตย์ประดิษฐ์, ซันสวีทหรือซันสวีตในการประกอบธุรกิจของจำเลย หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ห้ามจำเลยยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัท เครื่องหมายการค้า และเครื่องหมายบริการ หรือใช้หรือเข้าเกี่ยวข้องกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์ในอัตราเดือนละ 200,000 บาท แก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะยุติการกระทำละเมิด
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์เป็นเจ้าของชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้าที่ไม่มีการจดทะเบียนตามกฎหมาย จำเลยได้จองชื่อนิติบุคคลและได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อของจำเลยโดยสุจริตมาตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2540 โดยไม่มีผู้โต้แย้ง ผลิตภัณฑ์หลักของจำเลยเป็นข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง ซึ่งแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ของโจทก์ จำเลยไม่ได้ใช้อักษรโรมันคำว่า SUNSWEET เป็นเครื่องหมายการค้าและไม่ได้กระทำการอันเป็นการล่วงละเมิดต่อเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นตามที่คู่ความไม่โต้แย้งกันว่า โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าอักษรโรมันคำว่า SUNSWEET และ SUNSWEET กับรูปดวงอาทิตย์ประดิษฐ์ (SUNSWEET และ SUNSWEET) จำเลยยื่นจดชื่อนิติบุคคลว่า “บริษัทซัน สวีท จำกัด” กับเคยยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และใช้ชื่อโดเมนโจทก์มีหนังสือถึงจำเลย จำเลยแจ้งว่าจะใช้ชื่อนิติบุคคลของจำเลยต่อไป
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการแรกมีว่า โจทก์อาศัยสิทธิตามเครื่องหมายการค้าของตนในการห้ามจำเลยใช้ชื่อและดวงตรานิติบุคคลของจำเลยได้หรือไม่ เห็นว่า ตามหลักการทั่วไปเกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้ว ซึ่งปรากฏอยู่ในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 44 นั้น เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้านั้นสำหรับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ เท่ากับว่าเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้วมีสิทธิที่จะหวงกันมิให้บุคคลอื่นนำเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของตนไปใช้กับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้เท่านั้น เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องห้ามจำเลยใช้ชื่อนิติบุคคลและดวงตรานิติบุคคลของจำเลย ซึ่งไม่ใช่เป็นการใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าที่โจทก์ได้จดทะเบียนไว้โดยตรง โจทก์ย่อมไม่อาจอ้างสิทธิตามที่มีในเครื่องหมายการค้าเพื่อที่จะขอบังคับจำเลยเช่นนี้ได้ โจทก์จะต้องใช้สิทธิตามช่องทางของกฎหมายนั้นๆ ในการขอให้ศาลบังคับตามคำฟ้องของโจทก์ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยมานั้น จึงชอบแล้วศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ประการต่อมามีว่า จำเลยนำชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาใช้เป็นชื่อนิติบุคคลประกอบกับดวงตรานิติบุคคลของจำเลยเช่นนี้ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โจทก์มีนายบันเทิง นายเดน นายไพโรจน์ นายเชอ และนายเชอ เป็นพยานเบิกความในทำนองว่า อักษรโรมันคำว่า SUNSWEET เป็นชื่อนิติบุคคลหรือชื่อทางการค้าของโจทก์ โจทก์ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิต แปรรูป และจำหน่ายอาหารแปรรูปพร้อมรับประทานประเภทต่างๆ รวมถึงผลไม้สด ผลไม้แห้งน้ำผลไม้ และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปผักและผลไม้ โดยเฉพาะลูกพรุนและน้ำลูกพรุนจนมีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไป สินค้าของโจทก์มีหลายรายการครอบคลุมสินค้าธัญพืชเหมือนสินค้าของจำเลย ชื่อนิติบุคคลของจำเลยทำให้สาธารณชนและลูกค้าของโจทก์สับสนหลงผิด ส่วนจำเลยมีนายองอาจ นายวีระ และนายคันศร เป็นพยานเบิกความว่า จำเลยจดทะเบียนชื่อนิติบุคคลโดยชอบด้วยกฎหมาย อักษรโรมันคำว่า SUN หมายถึงดวงอาทิตย์ ส่วนอักษรโรมันคำว่า SWEET หมายถึงความหวาน เป็นคำศัพท์ที่ใช้กันทั่วไป ทุกคนสามารถใช้ได้ จำเลยทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารข้าวโพด และใช้เครื่องหมายการค้าอักษรโรมันคำว่า K.C. สินค้าของโจทก์และจำเลยแตกต่างกัน สาธารณชนไม่สับสนหลงผิด เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 18 นั้น บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามหรือชื่อทางการค้าซึ่งต้องเสื่อมเสียประโยชน์เพราะการที่มีผู้อื่นมาใช้นามหรือชื่อทางการค้าเดียวกัน โดยมิได้รับอำนาจให้ใช้ จะร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามมิให้ใช้นามหรือชื่อทางการค้านั้นได้ต่อเมื่อการใช้นามหรือชื่อทางการค้าดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายหรือเป็นที่พึงวิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไป และผู้เป็นเจ้าของนามหรือชื่อทางการค้านั้นมีหน้าที่นำสืบถึงความเสียหายดังกล่าว ดังนั้น โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบแสดงให้เห็นว่า กรณีมีเหตุที่จะห้ามมิให้จำเลยใช้ชื่อนิติบุคคลดังกล่าว ซึ่งโจทก์มีนายเดน เบิกความว่า การกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เพราะเป็นการปิดกั้นมิให้โจทก์จดทะเบียนชื่อนิติบุคคล โจทก์ต้องสูญเสียรายได้จากการอนุญาตให้ใช้สิทธิในชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้า และความเสียหายต่อชื่อเสียงในกรณีที่โจทก์ไม่สามารถควบคุมคุณภาพสินค้าและบริการของจำเลย หรือจำเลยประกอบธุรกิจในทางที่เสื่อมเสีย รวมถึงกรณีที่เกิดความสับสนหลงผิดในการแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ แต่เห็นได้ว่า ความเสียหายจากการไม่อาจจดทะเบียนชื่อนิติบุคคลก็ดีหรือความเสียหายจากการไม่อาจอนุญาตให้ใช้สิทธิตามที่กล่าวอ้างก็ดี ยังไม่ใช่ความเสียหายที่จะกล่าวอ้างในการห้ามมิให้จำเลยใช้ชื่อนิติบุคคลของตนดังกล่าว ส่วนข้อที่อ้างเกี่ยวกับความเสียหายต่อชื่อเสียงในกรณีที่โจทก์ไม่สามารถควบคุมคุณภาพสินค้าและบริการของจำเลย หรือจำเลยประกอบธุรกิจในทางที่เสื่อมเสีย รวมถึงกรณีที่เกิดความสับสนหลงผิดในการแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศนั้น เห็นว่า แม้การใช้ชื่อนิติบุคคลนี้จะคล้าย แต่เป็นเรื่องของสิทธิในการใช้ชื่อของบุคคล เมื่อคำว่า “SUN” และ “SWEET” เป็นคำสามัญทั่วไป ไม่ใช่คำประดิษฐ์คิดขึ้นเอง บุคคลทั่วไปรวมทั้งจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะใช้ได้สำหรับอุทธรณ์ของโจทก์ในทำนองว่าสินค้าของโจทก์มีหลายรายการ ครอบคลุมถึงสินค้าธัญพืชเหมือนสินค้าของจำเลยนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่าสินค้าหลักของโจทก์คือลูกพรุนและน้ำลูกพรุนในขณะที่สินค้าหลักของจำเลยเป็นข้าวโพด จึงฟังไม่ได้ว่าธุรกิจของจำเลยแข่งขันโดยตรงกับธุรกิจของโจทก์จนกระทบกระเทือนถึงผลประโยชน์ของโจทก์ อันจะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายทั้งโจทก์เพียงนำสืบลอยๆ โดยไม่ปรากฏชัดว่าโจทก์จะได้รับความเสียหายเช่นนั้นจริงหรือไม่ โอกาสที่โจทก์จะได้รับความเสียหายตามที่นำสืบมานั้นมีน้อย ส่วนกรณีที่สาธารณชนอาจสับสนหลงผิดว่ากิจการของจำเลยเกี่ยวข้องกับโจทก์ตามที่โจทก์อุทธรณ์นั้น ไม่เป็นสาเหตุเพียงพอที่โจทก์จะใช้สิทธิห้ามจำเลยในการใช้ชื่อนิติบุคคลได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยมาจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์อีกต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share