คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1185 บัญญัติห้ามมิให้ผู้ถือหุ้นคนใดที่มีส่วนได้เสียเป็นพิเศษในข้ออันใดซึ่งที่ประชุมจะลงมติออกเสียงลงคะแนนด้วยในมติข้อนั้นผู้ถือหุ้นที่เป็นเจ้าหนี้บริษัทที่ร่วมประชุมและลงมติให้บริษัทชำระหนี้แก่ตนไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียเป็นพิเศษ เพราะไม่มีมติของบริษัทดังกล่าวผู้ถือหุ้นที่เป็นเจ้าหนี้บริษัทก็ชอบที่จะได้รับชำระหนี้หรือเรียกร้องให้มีการชำระหนี้ได้อยู่แล้ว อีกทั้งที่ประชุมก็มีมติให้ชำระหนี้คืนแก่ผู้ถือหุ้นพร้อมดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันหมด มิได้เลือกปฎิบัติแก่ผู้ถือหุ้นบางคนเป็นพิเศษ มติดังกล่าวจึงไม่ขัดต่อกฎหมาย

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัทพระรามเก้าก่อสร้าง จำกัด เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2534กรรมการบางส่วนของบริษัทได้จัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 3/2534 โดยฝ่าฝืนกฎหมายกล่าวคือ การประชุมดังกล่าวเป็นการเรียกประชุมโดยกรรมการเพียงคนเดียวไม่ได้เกิดจากมติของคณะกรรมการบริษัท การส่งคำบอกกล่าวไม่ได้กระทำก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน การออกเสียงลงมติขัดต่อกฎหมายเพราะกรรมการและผู้ถือหุ้นมีส่วนได้เสียเป็นพิเศษ และมติที่ประชุมที่ให้บริษัทชำระหนี้แก่กรรมการและผู้ถือหุ้นโดยบุคคลดังกล่าวมิได้เป็นเจ้าหนี้เพราะบริษัทยังไม่เคยจัดทำบัญชีงบการเงิน งบดุล ตั้งแต่ปี 2532 ถึงปี 2534 ขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 3/2534 ของบริษัทพระรามเก้าก่อสร้าง จำกัด
ผู้คัดค้านทั้งห้ายื่นคำคัดค้านว่า คำร้องขอเพิกถอนมติที่ประชุมขาดอายุความ ในการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นครั้งพิพาท ผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการและในฐานะประธานกรรมการบริษัทเป็นผู้มีอำนาจเรียกประชุมได้ บริษัทไม่มีข้อบังคับว่าการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นจะต้องกระทำโดยมติที่ประชุม ก่อนหน้านี้ผู้คัดค้านที่ 1 ก็เป็นผู้นัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ผู้ร้องก็เข้าร่วมประชุมทุกคราว และการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งนี้ได้มีการส่งหนังสือนัดประชุมแก่ผู้ถือหุ้นทุกคนก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7วันแล้ว อีกทั้งผู้คัดค้านที่ 1 ก็ยังแจ้งด้วยวาจาให้ผู้ร้องทราบแล้ว ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2534 นอกจากนี้ในการลงมติก็ไม่ถือว่าผู้ถือหุ้นและกรรมการมีส่วนได้เสีย เพราะการจ่ายเงินดังกล่าวเป็นการชำระหนี้สินของบริษัทตามที่เคยตกลงกันไว้ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 3/2534 ของบริษัทพระรามเก้าก่อสร้าง จำกัดซึ่งได้ประชุมเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2534
ผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า บริษัทพระรามเก้าก่อสร้าง จำกัด มีผู้ร้อง ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 3 เป็นกรรมการผู้คัดค้านที่ 1 มีหนังสือลงวันที่ 25พฤศจิกายน 2534 แจ้งเชิญผู้ถือหุ้นทุกคนให้เข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 3/2534 ในวันที่ 3 ธันวาคม 2534ปรากฎรายละเอียดตามเอกสารหมาย ร.4 ในวันประชุมได้มีมติที่ประชุมให้บริษัทชำระหนี้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคนพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ปรากฎตามรายงานการประชุมเอกสารหมาย ร.6ปัญหาตามฎีกาของผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 ข้อแรกมีว่ามติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทพระรามเก้าก่อสร้างจำกัด เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2534 ที่ให้บริษัทชำระหนี้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคนพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี เป็นมติที่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1185 หรือไม่เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1185 บัญญัติห้ามมิให้ผู้ถือหุ้นคนใดที่มีส่วนได้เสียเป็นพิเศษในข้ออันใดซึ่งที่ประชุมจะลงมติออกเสียงลงคะแนนด้วยในมติข้อนั้นหมายความเฉพาะผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสียเป็นพิเศษเท่านั้นผู้ถือหุ้นที่เป็นเจ้าหนี้บริษัทที่ร่วมประชุมและลงมติให้บริษัทชำระหนี้แก่ตนไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียเป็นพิเศษเพราะแม้ไม่มีมติของบริษัทดังกล่าว ผู้ถือหุ้นที่เป็นเจ้าหนี้บริษัทก็ชอบที่จะได้รับชำระหนี้หรือเรียกร้องให้มีการชำระหนี้ได้อยู่แล้วอีกทั้งที่ประชุมก็มีมติให้ชำระหนี้คืนแก่ผู้ถือหุ้นบางคนเป็นพิเศษแต่อย่างใด มติดังกล่าวจึงไม่ขัดต่อบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1185 ฎีกาผู้คัดค้านที่ 2และที่ 3 ข้อนี้ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share