คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวแก้ความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยจะไม่ให้ต่อสู้ไว้แต่แรก ศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
เพลิงไหม้ห่างจากโกดังเก็บของของจำเลยประมาณ 30 เมตร ขณะนั้น ลมพัดแรงมาก คนงานในบริษัทและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของกรมตำรวจได้ร่วมกันดับ แต่สุดความสามารถที่จะดับได้ เพลิงได้ลามไหม้โกดังสินค้าของจำเลยโดยไม่มีใครอาจป้องกันได้ และไม่ใช่ความผิดของจำเลย จึงเป็นเหตุสุดวิสัย
(อ้างฎีกาที่ 882/2507)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับขนรองเท้าแตะ ๙ หีบของโจทก์ไปส่งให้แก่ลูกค้า ลูกค้าได้รับรองเท้าแตะเพียง ๕ หีบ ที่ไม่ได้รับจำเลยอ้างว่าโรงสินค้าจำเลยถูกไฟไหม้ จำเลยรับว่าจะใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ แต่แล้วจำเลยก็ไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เกิดเพลิงไหม้ที่อื่นแล้วลามไหม้โรงสินค้าของจำเลยโดยไม่สามารถป้องกันได้ เป็นเหตุสุดวิสัยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าเพลิงไหม้โรงเก็บสินค้าของจำเลยเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยไม่ต้องรับผิด ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง เพลิงไหม้โรงเก็บสินค้าของจำเลยเป็นเหตุสุดวิสัย พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าในคำแก้อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของสินค้า ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย จำเลยไม่ได้ให้การสู้ไว้ ศาลอุทธรณ์ยกประเด็นข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบนั้น อำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะไม่ให้การต่อสู้ไว้แต่แรก ศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นวินิจฉัยไว้
ที่จำเลยแก้ฎีกาว่าโจทก์ไม่ใช่คู่สัญญาขนส่งกับจำเลยนั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ได้ทำสัญญาขนส่งกับจำเลย และเห็นว่ารองเท้าแตะ ๔ หีบของโจทก์ได้ถูกไฟไหม้จริงการที่เพลิงไหม้ห่างจากโกดังจำเลยประมาณ ๓๐ เมตร ขณะเกิดเหตุลมพัดแรงมาก คนงานในบริษัทจำเลยและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของกรมตำรวจได้ร่วมกันดับ แต่สุดความสามารถที่จะดับได้ เพลิงได้ไหม้สามโกดังเก็บสินค้าของจำเลยโดยไม่มีใครอาจป้องกันได้ และไม่ใช่ความผิดของจำเลย เป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยได้ถูกบริษัทอื่นฟ้องในมูลกรณีเดียวกันนี้ ศาลฎีกาได้พิพากษาว่าเป็นเหตุสุดวิสัยดังฎีกาที่ ๘๘๒/๒๕๐๗ เช่นเดียวกัน ฎีกาอื่นไม่เป็นประเด็นสำคัญ ไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์.

Share