แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ผู้ให้เช่ายินยอมให้จำเลยผู้เช่าดัดแปลงปรับปรุงซ่อมแซมตึกพิพาทแม้ตึกพิพาทจะเสียหายไปบ้าง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
จำเลยผู้เช่าซึ่งเป็นลูกหนี้ชอบที่จะชำระหนี้ค่าเช่าตึกพิพาทแก่ตัวเจ้าหนี้คือโจทก์เองโดยตรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315
สัญญาเช่าตึกพิพาทระบุการผิดสัญญาเช่าไว้หลายประการ ทั้งกรณีที่ผิดสัญญาเช่าข้อหนึ่งข้อใดก็ยินยอมให้ผู้ให้เช่าบอกกล่าวเลิกสัญญาได้ ฉะนั้น การที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่า โจทก์ก็บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าได้ตามกฎหมายโดยไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เช่าตึกแถวของโจทก์ ค่าเช่าเดือนละ 300 บาท ได้ค้างค่าเช่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2505 ถึงธันวาคม 2506 และจำเลยที่ 1ผิดสัญญาเช่าคือ ตัดเจาะช่องประตู เจาะพื้นอาคารที่เช่า ฯลฯ รวมค่าเสียหาย22,600 บาท หักเงินประกันที่ได้ชำระไว้ 9,000 บาท ต้องใช้ให้โจทก์อีก 13,600 บาท โจทก์บอกเลิกการเช่าหลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 เช่าช่วงโดยไม่ได้รับอนุญาต ฯลฯ ขอให้พิพากษาขับไล่และให้ใช้ค่าเช่าและค่าเสียหาย ฯลฯ
จำเลยที่ 1 ให้การว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ปรับปรุงต่อเติมตึกพิพาทและให้เช่าช่วง มิได้ให้จำเลยที่ 2 เช่าช่วง ฯลฯ
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและให้ใช้ค่าเช่าที่ค้างชำระและค่าเสียหาย ให้ส่งมอบตึกพิพาทกับทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์อันดับ 3 ถึง 9 เว้นแต่โต๊ะโฟไมก้าอันดับ 4 คืนโจทก์ ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเช่าที่ค้างชำระ 14 เดือน เดือนละ 300 บาทเป็นเงิน 4,200 บาทแก่โจทก์ คำขอนอกจากนี้ให้ยกเสีย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาไม่เชื่อว่าโจทก์ห้ามมิให้จำเลยเช่าช่วง ทั้งห้ามต่อเติมเปลี่ยนแปลงแก้ไขตึกพิพาทจริงและวินิจฉัยข้อกฎหมายไว้ว่า การที่ตกลงยินยอมให้ดัดแปลงปรับปรุงซ่อมแซมแม้ตึกพิพาทจะเสียหายไปบ้าง ตามข้อตกลง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายต่อไปว่า จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ชอบที่จะชำระหนี้ค่าเช่าตึกพิพาทแก่ตัวเจ้าหนี้คือโจทก์เองโดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ค้างชำระค่าเช่าโจทก์จะบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าเสียทันทีไม่ได้ เพราะสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนดต้องบอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าที่ค้างเสียก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 วรรค 2 แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติเช่นนั้น จึงยังไม่มีสิทธิบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาเช่าตึกพิพาทระบุการผิดสัญญาเช่าไว้หลายประการ ทั้งกรณีที่ผิดสัญญาเช่าข้อหนึ่งข้อใด ก็ยินยอมให้ผู้ให้เช่าบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าได้ ฉะนั้น การที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่า โจทก์ก็บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าได้ตามกฎหมาย โดยไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 560 วรรค 2 ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้
พิพากษาแก้ เป็นว่าให้ขับไล่จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ผู้เป็นบริวารออกไปจากตึกพิพาท และให้คืนทรัพย์สินของโจทก์ เว้นแต่อันดับ 4 ดังบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องถ้าคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ราคาดังบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้อง นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ