คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6303/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยโต้เถียงการครอบครองที่พิพาทอยู่การที่จำเลยเข้าไปปักเสาสร้างรั้วในที่พิพาทจึงเป็นการเข้าใจโดยสุจริตว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยการกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก ต้นไผ่ที่จำเลยเข้าไปตัดฟันปลูกอยู่ในที่พิพาทแม้โจทก์เป็นผู้ปลูกแต่ต้นไผ่เป็นไม้ยืนต้นจึงเป็นส่วนควบของที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา145วรรคหนึ่งและตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่พิพาทซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ประธานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา144วรรคสองเมื่อโจทก์และจำเลยยังโต้เถียงสิทธิครอบครองในที่พิพาทกันอยู่เท่ากับว่าโจทก์และจำเลยยังโต้เถียงกรรมสิทธิ์ของต้นไผ่ซึ่งปลูกอยู่ในที่พิพาทการที่จำเลยเข้าไปตัดฟันต้นไผ่พฤติการณ์จึงมีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าต้นไผ่ดังกล่าวเป็นของจำเลยการกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 บุกรุกเข้าไปปักเสาสร้างรั้วในที่ดินบางส่วนทางทิศใต้ของที่ดินซึ่งโจทก์มีสิทธิครอบครองตามส.ค.1 จำเลยที่ 2 บุกรุกเข้าไปตัดฟันต้นไผ่ของโจทก์ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ได้รับความเสียหาย และต่อมาจำเลยทั้งสองร่วมกันบุกรุกปักเสาสร้างรั้วในที่ดินบางส่วนของโจทก์ทางทิศใต้อีกขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 362, 363, 365, 83, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์มีมูลให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับข้อหาทำให้เสียทรัพย์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2) ประกอบมาตรา 362 ให้จำคุก6 เดือน ปรับ 2,000 บาท จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(2) ประกอบมาตรา 362 กระทงหนึ่ง และมาตรา 362, 358เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 358 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 อีกสองกระทงเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษตามมาตรา 365(2) ประกอบมาตรา 362 จำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาทตามมาตรา 358 จำคุกกระทงละ 3 เดือน ปรับกระทงละ 1,000 บาทรวมเป็นจำคุก 1 ปี ปรับ 4,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองไว้มีกำหนด 1 ปี
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองประการแรกมีว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานร่วมกันบุกรุกหรือไม่ เห็นว่า ตามพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยทั้งสองนำสืบมา ทั้งสองฝ่ายยังโต้เถียงการครอบครองอยู่ การที่จำเลยทั้งสองเข้าไปปักเสาสร้างรั้วในที่พิพาทจึงเป็นการเข้าใจโดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยทั้งสอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก
ปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ประการต่อมามีว่าจำเลยที่ 2 กระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์หรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงแม้โจทก์จะอ้างว่าต้นไผ่ที่จำเลยที่ 2 เข้าไปตัดฟันนั้นปลูกอยู่ในที่พิพาท และโจทก์จะเป็นผู้ปลูกก็ตาม แต่ต้นไผ่เป็นไม้ยืนต้นจึงเป็นส่วนควบของที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 145 วรรคหนึ่ง และตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่พิพาทซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ประธานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 144 วรรคสอง เมื่อโจทก์และจำเลยทั้งสองยังโต้เถียงสิทธิครอบครองในที่พิพาทกันอยู่เท่ากับว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองยังโต้เถียงกรรมสิทธิ์ของต้นไผ่ซึ่งปลูกอยู่ในที่พิพาท การที่จำเลยที่ 2 เข้าไปตัดฟันต้นไผ่ พฤติการณ์จึงมีเหตุอันสมควรให้จำเลยที่ 2 เข้าใจโดยสุจริตว่าต้นไผ่ดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 2เช่นกัน การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์

Share