แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาปรับนายประกันยืนตามศาลชั้นต้น นายประกันฎีกาปรากฏว่าระหว่างที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เรื่องปรับนายประกันนั้น นายประกันได้มายื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยได้ถูกขังในคดีอื่น ศาลชั้นต้นจึงเบิกตัวจำเลยมาพิพากษาลงโทษ และจำเลยได้ต้องโทษมาครบตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วดังนี้ ศาลฎีกาย่อมลดจำนวนค่าปรับให้ต่ำลงได้
ย่อยาว
คดีนี้ เดิมโจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ขอให้ลงโทษนายบุญช่วยได้ยื่นคำร้องขอประกันจำเลย ศาลอนุญาตโดยตีราคา ๔๐,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพ แต่ขอเลื่อนเวลาหาเงินมาใช้ผู้เสียหาย ศาลได้เลื่อนการพิพากษาไปวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๐๙
วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๐๙ นายประกันยื่นคำร้องอ้างเหตุจำเลยป่วยและมอบให้นายสมพงษ์ทราบคำสั่งศาลแทน ศาลอนุญาตให้เลื่อน แต่ให้นำตัวจำเลยมาส่งศาลภายในวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๐๙ และนัดตัดสินวันที่ ๗ เดือนเดียวกันเวลา ๙.๐๐ นาฬิกา
วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๐๙ เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่า เรียกจำเลยอยู่จนเวลา ๑๕.๐๐ นาฬิกา นายประกันและตัวจำเลยไม่มาศาล ไม่ทราบเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นสั่งให้ปรับนายประกันตามสัญญา และออกหมายจับจำเลย
วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๐๙ นายประกันได้ยื่นคำร้องใจความว่า มารดานายสมพงษ์ป่วยหนักอยู่จังหวัดชัยภูมิ นายสมพงษ์ต้องรีบไป นายสมพงษ์ได้ขอร้องให้นายบรรจบไปบอกนายประกัน แต่นายบรรจบไม่ได้ไปบอก นายประกันไม่มีเจตนาจะขาดนัด
ศาลชั้นต้นสั่งใจความว่านายสมพงษ์เป็นตัวแทนของนายประกัน เมื่อเซ็นรับทราบแล้ว ก็ถือว่านายประกันซึ่งเป็นตัวการได้ทราบคำสั่งแล้ว เรื่องนี้ศาลกรุณามาครั้งหนึ่งโดยไม่ปรับ ครั้งที่ ๒ นายประกันไม่ส่งตัวจำเลย เท่ากับผิดนัด ๒ ครั้งผิดสัญญา ทำให้ศาลเสียหาย ศาลจึงปรับตามสัญญาประกัน และจนบัดนี้นายประกันก็มิได้บรรเทาผลเสียหายแต่ประการใด จึงไม่มีเหตุที่จะให้ศาลเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นให้ยกคำร้องเสีย
วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๐๙ นายประกันอุทธรณ์
วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๐๙ ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยต้องขังอยู่ในอีกคดีหนึ่ง ขอให้ศาลพิพากษาคดี
วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๐๙ ศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด ๑ เดือน ๑๕ วัน
วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๐๙ ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เรื่องปรับนายประกันให้โจทก์และนายประกันฟังใจความว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยทำคำพิพากษาตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๐๙ แล้ว
นายประกันฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในระหว่างที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาปรับนายประกันคดีนี้แล้ว แต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้นายประกันฟังนั้น นายประกันก็ได้มายื่นคำร้องต่อศาลว่า จำเลยได้ถูกขังอยู่ในคดีอาญาของศาลชั้นต้นอีกคดีหนึ่ง ศาลชั้นต้นได้เบิกตัวจำเลยมาพิพากษาลงโทษจำเลย และจำเลยได้ต้องโทษมาครบตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว ศาลย่อมลดจำนวนค่าปรับให้ต่ำลงได้ คดีนี้ปรากฏว่านายประกันได้มายื่นคำร้องดังกล่าวภายหลังที่ศาลชั้นต้นได้สั่งปรับนายประกันไปแล้วเป็นเวลา ๔ เดือนเศษ ควรปรับนายประกัน ๔,๐๐๐ บาท จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่าให้ปรับนายประกันเป็นเงิน ๔,๐๐๐ บาท