คำสั่งคำร้องที่ 1371/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า เนื่องจากก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 และที่ 2 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย คดีอยู่ระหว่างฎีกา ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิง กรุงเทพมหานคร และจำเลยนี้เคยเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 และที่ 2 รายใหญ่อยู่ในท้องที่จังหวัดภูเก็ตและพังงา มีพรรคพวกมากและมีอิทธิพลสูงในเขตจังหวัดพังงา หากนำตัวจำเลยมาดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดพังงา อาจเกิดเหตุร้ายหรือจะเกิดความไม่สงบ ขัดขวางต่อการพิจารณาได้ อีกทั้งเรือนจำจังหวัดพังงาสภาพโดยทั่วไปไม่มั่นคงแข็งแรง และมีอำนาจการคุมขังนักโทษซึ่งต้องโทษจำคุกเพียงกำหนดไม่เกิน 10 ปี หากนำมาคุมขังไว้ อาจเกิดความเสียหายได้ด้วยเหตุดังกล่าว โปรดโอนคดีนี้ไปพิจารณายังศาลอาญา โปรดอนุญาต
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177และขอให้สั่งนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่613/2527 ของศาลจังหวัดพังงาด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องศาลชั้นต้นหมายเบิกตัวจำเลยไปยังเรือนจำจังหวัดพังงาแล้วแต่ยังไม่ได้ตัวจำเลยมา เพราะจำเลยถูกคุมขังในคดีอื่นอยู่ที่ทัณฑสถานหญิง กรมราชทัณฑ์ กรุงเทพมหานคร (อันดับ 6)
โจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 15)
ประธานศาลฎีกามีคำสั่งว่า ปรากฏว่าศาลชั้นต้นยังมิได้ส่งสำเนาคำร้องขอโอนคดีแก่จำเลย จึงให้ศาลชั้นต้นจัดการส่งสำเนาคำร้องให้แก่จำเลยก่อน และให้จำเลยมีโอกาสคัดค้านภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด เสร็จแล้วส่งสำนวนคืนศาลฎีกา (อันดับ 19)
ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำเนาคำร้องของโจทก์ให้แก่จำเลยตามคำสั่งของประธานศาลฎีกาแล้ว จำเลยยื่นคำร้องคัดค้าน (อันดับ 21,27)
ศาลชั้นต้นส่งสำนวนคืนศาลฎีกา

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยคดีนี้ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 และที่ 2 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และปรากฏตามคำร้องของโจทก์ว่าจำเลยเป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดให้โทษรายใหญ่ในเขตจังหวัดภูเก็ตและพังงามีพรรคพวกมาก และมีอิทธิพลสูงในเขตจังหวัดพังงา ซึ่งถ้าหากให้นำตัวจำเลยไปดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดพังงา อาจเป็นเหตุให้มีการขัดขวางต่อการพิจารณาของศาลหรืออาจจะเกิดเหตุร้ายขึ้นได้จึงอนุญาตให้โอนคดีนี้ไปพิจารณายังศาลอาญาตามคำขอของโจทก์

Share