คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3448/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมายจ.2ข้อ3มีข้อความว่าถ้าผู้จะขายผิดสัญญาผู้จะขายยอมให้ผู้จะซื้อฟ้องบังคับให้เป็นไปตามสัญญาและยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้อจำนวน30,000บาทเมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ผิดสัญญาแม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทและกำหนดให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสองโจทก์ทั้งสองย่อมมีสิทธิได้รับเบี้ยปรับตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญา แม้คำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสองมิได้ขอชำระราคาที่ดินให้จำเลยทั้งสองแต่การซื้อขายที่ดินเป็นสัญญาต่างตอบแทนต่างฝ่ายก็มีหน้าที่ชำระหนี้ต่อกันเมื่อศาลอุทธรณ์บังคับให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่โจทก์ทั้งสองโจทก์ทั้งสองก็มีหน้าที่ต้องชำระราคาค่าที่ดินพิพาทให้จำเลยทั้งสองที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ชำระค่าที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือแก่จำเลยทั้งสองนั้นชอบแล้วไม่เป็นการเกินคำขอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองทำสัญญาจะขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เล่ม 10 หน้า 39 สารบบเล่ม 3หน้า 48 ให้แก่โจทก์ทั้งสองในราคาไร่ละ 23,000 บาท รวมเป็นเงิน 408,364 บาท โดยจำเลยทั้งสองจะทำการรับรังวัดเพื่อออกโฉนดเสียก่อนแล้วจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสองภายในกำหนด 90 วัน นับแต่วันได้รับโฉนดวันทำสัญญาโจทก์ทั้งสองวางเงินมัดจำจำนวน 30,000 บาท หากจำเลยทั้งสองผิดสัญญายอมให้โจทก์ทั้งสองฟ้องบังคับและจำเลยทั้งสองยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสองอีกจำนวน 30,000 ต่อมาจำเลยทั้งสองแจ้งให้โจทก์ทั้งสองทราบว่าไม่ประสงค์จะขายที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ทั้งสองและขอคืนเงินมัดจำแต่โจทก์ทั้งสองไม่ยินยอมและต้องการให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสองในสภาพเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ขอให้จำเลยทั้งสอง ร่วมกันจดทะเบียนขายที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) ดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสอง หากจำเลยทั้งสองไม่ปฎิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนา กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 30,000 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองตกลงทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์ทั้งสอง ที่ดินดังกล่าวเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 เป็นสินสมรสระหว่างจำเลยที่ 2 กับนายสังข์ มีแสงเงินสามีจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากนายสังข์ ต่อมาประมาณเดือนกรกฎาคม 2531 นายสังข์ทราบเรื่องจึงทำหนังสือบอกล้างการซื้อขายที่ดินดังกล่าว โจทก์ทั้งสองทราบการบอกล้างแล้วสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินดังกล่าวจึงไม่มีผลใช้บังคับ โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธินำสัญญาดังกล่าวขึ้นใช้บังคับแก่จำเลยที่ 1 ด้วยนอกจากนี้ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินก็กำหนดให้มีการรังวัดและออกโฉนดเสียก่อน จำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอรังวัดเพื่อออกโฉนดแล้ว แต่เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดที่ดินผิดพลาดจึงออกโฉนดไม่ได้เงื่อนไขในสัญญาดังกล่าวยังไม่สำเร็จ โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิให้แก่โจทก์ทั้งสอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจดทะเบียนโอนขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เล่ม 10 หน้า 39 สารบบเล่ม 3 หน้า 48 เนื้อที่ 17 ไร่ 3 งาน2 ตารางวา ให้แก่ โจทก์ทั้งสอง โดยโจทก์ทั้งสองมีหน้าที่ชำระเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือให้แก่จำเลยทั้งสองอีกจำนวน 378,365บาท หากจำเลยทั้งสองไม่ปฎิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนา กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินเบี้ยปรับ 10,000บาท แก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองมีว่า ที่ศาลกำหนดให้จำเลยทั้งสองชดใช้เบี้ยปรับให้โจทก์ทั้งสอง 10,000 บาท ถูกต้องหรือไม่ เห็นว่า ตามสัญญาจะซื้อขายเอกสารหมาย จ.2 ข้อ 3 มีข้อความว่า ถ้าผู้จะขายผิดสัญญา ผู้จะขายยอมให้ผู้จะซื้อฟ้องบังคับให้เป็นไปตามสัญญาและยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้อจำนวน 30,000 บาท เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ผิดสัญญา แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทและกำหนดให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองย่อมมีสิทธิได้รับเบี้ยปรับตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญา
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อสุดท้ายมีว่าที่ศาลกำหนดให้โจทก์ทั้งสองชำระเงินค่าที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือแก่จำเลยทั้งสองนั้นเกินคำขอหรือไม่ เห็นว่าแม้คำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งสองมิได้ขอชำระราคาที่ดินให้จำเลยทั้งสอง แต่การซื้อขายที่ดินเป็นสัญญาต่างตอบแทนต่างฝ่ายก็มีหน้าที่ชำระหนี้ต่อกัน เมื่อศาลอุทธรณ์บังคับให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่โจทก์ทั้งสองโจทก์ทั้งสองก็มีหน้าที่ต้องชำระราคาค่าที่ดินพิพาทให้จำเลยทั้งสอง ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้โจทก์ชำระค่าที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือแก่จำเลยทั้งสองนั้นชอบแล้ว ไม่เป็นการเกินคำขอ
พิพากษายืน

Share