คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลวินิจฉัยว่าโจทก์ยังไม่ได้มอบอำนาจให้บ. ฟ้องคดีแทน บ. ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยยังมิได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีเรื่องหนี้โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ให้ชำระหนี้โจทก์เหมือนคดีก่อนได้อีก ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 เพราะในคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่เป็นเนื้อหาแห่งคดี.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ได้กู้เงินโจทก์สองครั้งครั้งแรกเป็นเงิน 300,000 บาทครั้งที่สองเป็นเงิน 100,000 บาทจำเลยที่2 ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินและบ้านซึ่งปลูกในที่ดินแปลงหนึ่งเป็นประกันการกู้ยืมเงินทั้งสองคราวจำเลยที่ 1 ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์บางส่วนหนี้ถึงกำหนดแล้วไม่ชำระคงค้างเงินต้นและดอกเบี้ยถึงวันฟ้องรวม 589,436 บาทขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่ายังค้างชำระต้นเงินโจทก์ 400,000 บาทและค้างดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง 119,745 บาทเท่านั้นเดิมโจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสองตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 11738/2525 ของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นประเด็นเดียวกับคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดโจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่ไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่11738/2525 จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 11738/2525วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้นายบุญเหลือ สุทธิสัยฟ้องคดีแทนโจทก์ยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นเนื้อหาแห่งคดีโจทก์จึงฟ้องคดีนี้ได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีก่อนคือคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 11738/2525ซึ่งถึงที่สุดชั้นอุทธรณ์โดยศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ยังไม่ได้มอบอำนาจให้นายบุญเหลือฟ้องคดีแทนโดยไม่วินิจฉัยในประเด็นข้ออื่น ดังนี้คดีก่อนเป็นที่ยุติว่าให้ยกฟ้องโจทก์เพราะนายบุญเหลือไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์โดยยังมิได้มีการวินิจฉัยประเด็นแห่งคดีเรื่องหนี้โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ให้ร่วมกันชำระหนี้ให้โจทก์เหมือนคดีก่อนได้อีกไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148เพราะในคดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่เป็นเนื้อหาแห่งคดี
พิพากษายืน.

Share