คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5744/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามครบองค์ประกอบความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ แม้ปัญหานี้มิได้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยย่อมยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 341, 343 ริบของกลาง กับให้จำเลยทั้งสามคืนเงินจำนวน 24 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 2 ปี จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 1 ปี ริบของกลาง และให้จำเลยทั้งสามคืนเงินจำนวน 24 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามประการแรกว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามครบองค์ประกอบความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่แม้ปัญหานี้มิได้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามโดยสุจริตร่วมกันหลอกลวงประชาชน นางสาวประวีณพร อยู่เย็น และร้อยตำรวจโทวุธพันธ์ เนตรเพชราชัย ผู้เสียหาย ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชนที่อยู่ในสำนักพระศรีอารย์และผู้เสียหายว่าตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 ได้เข้าสู่ยุคพระศรีอารย์ ประชาชนที่ไม่นับถือพระศรีอารย์จะเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ตายไปต้องติดคุกสวรรค์หากได้เข้ามานับถือพระศรีอารย์โดยเป็นตัวแทนข้าราชการไสยศาสตร์จะทำให้ไม่เจ็บป่วย ไม่ตาย ก่อนที่จะเข้ามาเป็นข้าราชการไสยศาสตร์จะต้องทำพิธีตรวจองค์ที่ประจำอยู่ในตัวของแต่ละบุคคลโดยเสียค่าตรวจองค์ให้แก่จำเลยทั้งสามเป็นเงิน 24 บาท และรับบัตรโอนเซ็นเป็นตัวแทนข้าราชการไสยศาสตร์ ย้ายศาสนามาอยู่กับพระศรีอารย์ แล้วทางศาลใหญ่ของสวรรค์จะพิจารณาปล่อยตัวจากการควบคุมของตำรวจสวรรค์ โดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 จะเป็นตัวแทนเสนอเรื่องการปล่อยตัวต่ออัยการสวรรค์ โดยเสียเงินให้แก่จำเลยทั้งสาม 392 บาท การที่โจทก์บรรยายฟ้องดังกล่าวได้แสดงให้เห็นแล้วว่า จำเลยทั้งสามโดยสุจริตหลอกลวงผู้อื่นและประชาชนอย่างไร และการหลอกลวงนั้นจำเลยทั้งสามจะได้ไปซึ่งเงินจำนวน 416 บาท จากผู้เสียหาย และได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากนางสาวประวีณพรและประชาชนเป็นเงิน 6,360 บาท ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า การหลอกลวงนั้นจำเลยทั้งสามได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามที่โจทก์ฟ้องแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามต่อไปว่า สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสามหรือไม่ เห็นว่า จำเลยทั้งสามแสวงหาประโยชน์ใส่ตนโดยการหลอกลวงแก่ประชาชนทั่วไปที่ต้องการที่พึ่งทางจิตใจ พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสามจึงเป็นภัยต่อสังคม ที่จำเลยทั้งสามยกขึ้นอ้างในฎีกาว่านางสาวประวีณพร อยู่เย็น ซึ่งถูกจำเลยทั้งสามหลอกลวงด้วย ไม่ติดใจเอาความแก่จำเลยทั้งสามแล้ว และจำเลยที่ 1 มีภาระต้องเลี้ยงดูมารดาซึ่งเจ็บป่วย ส่วนจำเลยที่2 และที่ 3 มีอาการป่วยเป็นโรคต่างๆ นั้น เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสามกับเหตุที่จำเลยทั้งสามอ้างแล้ว ยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสาม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาลงโทษโดยไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสามนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share