แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายหลอกลวงจำเลยว่า บุตรจำเลยป่วยหนัก สามีจำเลยให้ผู้ตายมารับจำเลยไป ผู้ตายขับพาไปถึงที่เปลี่ยวแล้วลวนลามจำเลย จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายอย่างแรง ถูกอวัยวะสำคัญ ขณะนั้นจำเลยอยู่ในสภาพแต่งกายเรียบร้อยผู้ตายก็ยังนุ่งกางเกงอยู่ ผู้ตายจึงคงลวนลามโดยกอดจูบเท่านั้น ไม่ถึงขั้นจะข่มขืนกระทำชำเราจำเลย กรณียังไม่พอถือว่าเป็นภยันตรายที่จะใกล้จะถึงสำหรับการจะถูกข่มขืนกระทำชำเรา คงเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงเฉพาะที่ผู้ตายกระทำอนาจารเท่านั้น ในขณะที่ผู้ตายกอดปล้ำจำเลย ผู้ตายอาเจียนจำเลยยังดิ้นหลุดออกไปได้บ้างแต่ผู้ตายก็เข้ามากอดปล้ำอีก แสดงว่าผู้ตายเมาสุรามากจนแทบจะครองสติไม่ได้จำเลยอาจกระทำการใดเพื่อป้องกันโดยไม่จำต้องให้ผู้ตายถึงตายก็ได้ การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายในที่สำคัญจนผู้ตาย ถึงแก่ความตายจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๒๗ เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยใช้อาวุธมีดพกปลายแหลมแทงนายสมศรี เรือนเฟย โดยเจตนาฆ่านายสมศรี เรือนเฟย ถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย เหตุเกิดที่ตำบลป่าแฝก อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การว่า ใช้มีดแทงนายสมศรี เรือนเฟย ถึงแก่ความตายจริง แต่กระทำไปเพื่อป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุก ๑๘ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตาย ๑ ที ถูกอวัยวะสำคัญถึงแก่ความตาย มีปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตัวหรือไม่ เห็นว่า ทางนำสืบของโจทก์และจำเลยไม่ปรากฏว่า จำเลยกับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันเลยกลับปรากฏว่าผู้ตายเคยสู่ขอจำเลยเป็นภรรยาแต่จำเลยไม่ตกลงด้วย ในวันเกิดเหตุจำเลยยอมนั่งรถจักรยานยนต์ไปกับผู้ตายเวลาค่ำคืนก็คงจะเป็นเพราะผู้ตายหลอกลวงจำเลยว่า บุตรของจำเลยป่วยหนักจะต้องส่งโรงพยาบาล สามีจำเลยให้ผู้ตายมารับไป แต่ผู้ตายกลับขับขี่รถเลยทางเข้าบ้านจำเลย จนไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นที่เปลี่ยว ผู้ตายจึงลวนลามจำเลยเพราะผู้ตายเคยชอบพอจำเลยมาก่อนจำเลยใช้มีดแทงผู้ตาย ๑ ที ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาเพียงเล็กน้อย แสดงว่าจำเลยแทงอย่างแรงถูกอวัยวะสำคัญ ขณะนั้นจำเลยอยู่ในสภาพแต่งกายเรียบร้อย ผู้ตายก็ยังนุ่งกางเกงอยู่ ผู้ตายจึงคงจะลวนลามโดยกอดจูบเท่านั้น ไม่ถึงขั้นจะข่มขืนกระทำชำเรา กรณียังไม่พอถือว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงสำหรับการจะถูกข่มขืนกระทำชำเรา คงเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงเฉพาะที่ผู้ตายกระทำอนาจารเท่านั้น ปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยเองว่า ในขณะที่ผู้ตายกอดปล้ำจำเลย ผู้ตายอาเจียน จำเลยยังดิ้นหลุดออกไปได้บ้าง แต่ผู้ตายก็เข้ามากอดปล้ำจำเลยอีก แสดงว่าผู้ตายเมาสุรามากจนแทบจะครองสติไม่ได้ จำเลยอาจกระทำการใดเพื่อป้องกันโดยไม่จำต้องให้ผู้ตายถึงตายก็ได้ การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายในที่สำคัญจนผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๙
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบกับมาตรา ๖๘, ๖๙ ให้จำคุก ๕ ปี.