แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์กล่าวในคำฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ปฏิบัติราชการแทนจำเลยที่ 1ได้รับคำร้อง ของ โจทก์ทั้งห้าไว้ ต่อมาจำเลยที่ 2 แจ้งแก่ น.ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ทั้งห้าว่า ยังไม่สามารถออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ทั้งห้าได้ เนื่องจากจะต้องส่งเรื่องไปให้กองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรพิจารณาก่อนได้ผลประการใดจะแจ้งให้ทราบต่อไป ดังนี้ แสดงว่า จำเลยที่ 2ได้ปฏิบัติตามหน้าที่โดยถูกต้องแล้ว แต่ยังไม่อาจดำเนินการให้เป็นไปตามความประสงค์ของโจทก์ทั้งห้าในทันทีได้ ก็เพราะกำลังรอการพิจารณาสั่งการจากทางราชการตามสายงานการบังคับบัญชาก่อนดังนี้ ตามคำฟ้องของโจทก์ทั้งห้าก็ปรากฏแล้วว่า จำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือได้กระทำการอย่างใดอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งห้า โจทก์ทั้งห้าจึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ทั้งห้าสำนวนฟ้องเป็นใจความว่า โจทก์ทั้งห้าได้ยื่นคำร้องขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวจากนายทะเบียนท้องที่ แต่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายทะเบียนคนต่างด้าวไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ จำเลยที่ 2 ผู้ปฏิบัติราชการแทนรับคำร้องของโจทก์ทั้งห้าไว้ ต่อมาจำเลยที่ 2 แจ้งว่า ยังไม่สามารถออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้โจทก์ทั้งห้าได้ เนื่องจากจะต้องส่งเรื่องไปให้กองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรพิจารณาก่อน ได้ผลประการใดจะแจ้งให้ทราบต่อไป อันถือได้ว่าเป็นการปฏิเสธไม่ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ทั้งห้าซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งห้า ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ทั้งห้า หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติให้ถือเอาตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองทั้งห้าสำนวนให้การเป็นใจความว่า โจทก์ทั้งห้าไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และจำเลยทั้งสองยังไม่ได้ปฏิเสธไม่ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้โจทก์ทั้งห้า เพราะอยู่ระหว่างตรวจเรื่องราวโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งห้า โจทก์ทั้งห้าไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งห้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งห้าฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์กล่าวในคำฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ปฏิบัติราชการแทนจำเลยที่ 1 ได้รับคำร้องของโจทก์ทั้งห้าไว้ ต่อมาวันที่15 ธันวาคม 2529 จำเลยที่ 2 แจ้งแก่นายนิตย์ วานิชพงษ์พันธุ์ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ทั้งห้าว่า ยังไม่สามารถออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ทั้งห้าได้ เนื่องจากจะต้องส่งเรื่องไปให้กองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรพิจารณาก่อน ได้ผลประการใดจะแจ้งให้ทราบต่อไป ดังนี้แสดงว่า จำเลยที่ 2 ได้ปฏิบัติตามหน้าที่โดยถูกต้องแล้ว แต่ยังไม่อาจดำเนินการให้เป็นไปตามความประสงค์ของโจทก์ทั้งห้าในทันทีได้ก็เพราะกำลังรอการพิจารณาสั่งการจากทางราชการตามสายงานการบังคับบัญชาก่อน ซึ่งโจทก์ทั้งห้าต่างก็ทราบดีแล้ว ตามรายละเอียดที่ปรากฏในคำฟ้อง โจทก์ทั้งห้ากลับอ้างว่า กรณีเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการปฏิเสธไม่ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ทั้งห้าเป็นการโต้แย้งสิทธิ นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ทั้งห้าได้บรรยายโดยแจ้งชัดให้ปรากฏแล้วว่า จำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือได้กระทำการอย่างใดอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งห้าตามฟ้องแต่ประการใด โจทก์ทั้งห้าจึงไม่มีอำนาจฟ้อง…”
พิพากษายืน.