คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยเนื่องจากมูลหนี้ฐานละเมิดที่โจทก์ ทำเงินของจำเลยขาดบัญชีไป การชำระเงินในลักษณะเช่นนี้ย่อมมีผลตามกฎหมายขึ้นทันทีว่า ถ้าโจทก์ชำระเงินเกินกว่าจำนวนหนี้ที่โจทก์จะต้องรับผิด จำเลยก็ต้องคืนเงินส่วน ที่เกินให้แก่โจทก์ในฐานลาภมิควรได้ สิทธิของโจทก์ที่จะ เรียกเงินคืนจึงมีขึ้นตั้งแต่วันที่โจทก์ชำระเงินแก่ จำเลยแล้ว นับแต่วันนั้นถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เกิน กว่าสิบปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้แต่งตั้งโจทก์ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกคลังตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2492 ถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2501 และดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกเงินตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2501 ถึง 3 พฤษภาคม 2506 มีหน้าที่ทำฎีกาเบิกรับจ่ายเงิน เก็บรักษาเงิน ทำบัญชีต่าง ๆ เก็บรักษาเอกสารเกี่ยวกับการเงิน ควบคุมการฝากและถอนเงิน ฯลฯ ระหว่างจำเลยปฏิบัติหน้าที่ราชการดังกล่าว ได้เกิดการคลาดเคลื่อนและสับสนทางบัญชีเงินได้ขาดบัญชีซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ โจทก์จึงได้นำเงินส่วนตัวของโจทก์เข้าใช้แทนไปพลางก่อนเป็นเงิน 571,049.56 บาท ต่อมาวันที่ 10 เมษายน 2507สำนักนายกรัฐมนตรีและจำเลยฟ้องโจทก์ต่อศาลแพ่งให้รับผิดฐานละเมิดเป็นเงิน 1,195,412.80 บาท ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์รับผิดเพียง 520,907.55บาท เมื่อหักกับที่โจทก์ใช้ไปแล้วโจทก์ใช้เงินเกินไป 50,142.01 บาท ซึ่งจำเลยต้องใช้คืน โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยไม่ยอมคืนขอให้บังคับ

จำเลยให้การว่า คดีขาดอายุความ เพราะโจทก์ไม่ฟ้องเรียกเงินคืนภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์ทราบว่ามีสิทธิได้คืน อย่างไรก็ตามโจทก์มิได้ฟ้องภายในสิบปีนับแต่เวลาที่สิทธิของโจทก์ในการเรียกร้องคืนได้มีขึ้น

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยคืนเงินที่รับเกินพร้อมด้วยดอกเบี้ยเป็นเงิน 51,028.80 บาทแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีขาดอายุความแล้ว พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ได้ชำระเงินจำนวน 571,049.56 บาท แก่จำเลยตั้งแต่ก่อนจำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1271/2507 ของศาลแพ่งแล้ว และฟ้องโจทก์ก็ระบุว่าจำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 เมษายน250 จึงฟังได้ว่าโจทก์ได้ชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่จำเลยก่อนวันที่โจทก์ถูกจำเลยฟ้องแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าการที่โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยก็เนื่องมาจากมูลหนี้ฐานละเมิดโดยเหตุที่โจทก์ทำเงินของจำเลยขาดบัญชีไป เงินที่โจทก์ชำระแก่จำเลยจึงไม่ใช่เงินที่โจทก์ชำระไปก่อนชั่วคราว การชำระเงินในลักษณะเช่นนี้ ย่อมมีผลตามกฎหมายขึ้นทันทีว่า ถ้าโจทก์ชำระเงินเกินกว่าจำนวนหนี้ที่โจทก์จะต้องรับผิดชอบจำเลยก็จะต้องคืนเงินส่วนที่เกินให้แก่โจทก์ในฐานลาภมิควรได้ สิทธิของโจทก์จะเรียกเงินคืนจึงมีขึ้นตั้งแต่วันที่โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยแล้ว นับแตวันนั้นถึงวันที่ 7 มีนาคม 2523 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เกินกว่าสิบปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419

พิพากษายืน

Share