แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยรับประกันภัยอาคารโรงงานและทรัพย์สินต่าง ๆ ในโรงงานของโจทก์ต่อมาภายในกำหนดเวลาประกันภัย ฝนตกหนัก น้ำฝนที่ไหลจากหลังคาโรงงานลงมาในบริเวณโรงงานไม่สามารถระบายออกไปสู่นอกโรงงานได้ เพราะโจทก์ก่อกำแพงและเอากระสอบทรายปิดกั้นท่อระบายน้ำไว้เพื่อป้องกันมิให้น้ำภายนอกโรงงานไหลเข้ามา เนื่องจากขณะนั้นเกิดเหตุน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้น้ำฝนดังกล่าวท่วมขังอาคารโรงงาน ทำให้ทรัพย์สินโจทก์เสียหายความเสียหายดังกล่าวหาใช่เกิดจากน้ำฝนที่ไหลผ่านเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างจากการชำรุดของหลังคา ประตู หน้าต่าง ช่องลม ท่อน้ำหรือรางน้ำ และหาใช่ความเสียหายซึ่งเป็นผลโดยตรงอันเกิดจากอุบัติเหตุจากการล้นออกมาของน้ำจากท่อน้ำ อันจำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้เอาประกันภัยอาคารโรงงาน ทรัพย์สินต่าง ๆในโรงงานรวมทั้งสินค้า และวัตถุดิบในการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปของโจทก์ไว้กับจำเลยในวงเงิน 74,150,000 บาท เมื่อประมาณเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2526 น้ำท่วมพื้นที่บางแห่งในกรุงเทพมหานคร โจทก์ได้จัดการป้องกันสงวนรักษาทรัพย์สินและสินค้าภายในโรงงานมิให้ได้รับความเสียหาย โดยจัดทำกำแพงคอนกรีตมิให้น้ำจากภายนอกไหลเข้ามาในโรงงานและถมถนนให้สูงขึ้นกว่าระดับน้ำที่จะท่วมถึง เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2526 ฝนตกหนักน้ำฝนล้นท่อน้ำและรางน้ำภายในโรงงานจนท่วมบริเวณโรงงาน เป็นเหตุให้เสื้อผ้าสำเร็จรูปและผ้าที่ยังไม่ได้ตัดเย็บ กล่องกระดาษที่ใช้บรรจุสินค้าและทรัพย์สินอื่น ๆ ของโจทก์เสียหาย จำเลยได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจทรัพย์สินที่เสียหาย และห้ามโจทก์ทำการเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนแปลงสภาพของทรัพย์ ต่อมาโจทก์ได้รับหนังสือของจำเลยแจ้งให้โจทก์แก้ไขความเสียหาย แต่ปรากฏว่าสินค้าเสียหายจนไม่อาจแก้ไขความเสียหายได้ จำเลยได้แจ้งปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนอ้างว่าภัยที่เกิดขึ้นมิได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าสินไหมทดแทนจำนวน5,610,372.70 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัยสาเหตุที่ทำให้น้ำท่วมทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย เพราะน้ำฝนที่ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ แทนที่จะไหลออกไปนอกโรงงานกลับถูกกักไว้ในบริเวณโรงงานจนท่วมบริเวณโรงงาน แล้วไหลท่วมเข้าไปในอาคารโรงงานซึ่งเป็นที่ตั้งของทรัพย์สินต่าง ๆ ที่เอาประกันความเสียหายมิได้เกิดจากอุบัติเหตุภายใต้เงื่อนไขที่จะได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย โจทก์ไม่ได้ซื้อความคุ้มครองจากภัยน้ำท่วม จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่าเกิดฝนตกหนักน้ำฝนที่ไหลจากหลังคาของโรงงานลงมาในบริเวณโรงงานไม่สามารถระบายออกไปสู่นอกโรงงานได้ เพราะโจทก์ก่อกำแพงและเอากระสอบทรายปิดกั้นท่อระบายน้ำไว้ เพื่อป้องกันมิให้น้ำภายนอกโรงงานไหลเข้ามา เนื่องจากขณะนั้นเกิดเหตุน้ำท่วมกรุงเทพมหานครเป็นเหตุให้น้ำฝนดังกล่าวท่วมขังอาคารโรงงาน ทำให้ทรัพย์สินโจทก์เสียหาย เห็นว่าความเสียหายเกิดขึ้นจากน้ำฝนที่ไหลจากหลังคาโรงงานล้นเข้าไปในอาคาร หาใช่น้ำฝนที่ไหลผ่านเข้าไปในสิ่งปลูกสร้างจากการชำรุดของหลังคาบ้าน หน้าต่างประตู วงกบประตูหน้าต่าง ช่องลม ช่องรับแสงสว่าง ท่อน้ำหรือรางน้ำอีกทั้งหาใช่ความเสียหายซึ่งเป็นผลโดยตรงอันเกิดจากอุบัติเหตุจากการล้นออกมาของน้ำจากท่อน้ำ อันจำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยดังกล่าวไม่ และเมื่อจำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยดังกล่าวแล้ว กรณีก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยถึงข้อยกเว้นในความรับผิดของจำเลยในเรื่องน้ำท่วมอีก ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น และเมื่อจำเลยไม่ต้องรับผิดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ในเรื่องค่าเสียหายอีกต่อไป
พิพากษายืน