คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1705/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคหนึ่ง มีความหมายว่า ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาในครั้งถัด ๆ มานั้น หากมีผู้ซื้อทรัพย์เสนอราคาสูงสุดไม่น้อยกว่าราคาสูงสุดในครั้งก่อนที่มีผู้เสนอซื้อไว้ และเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าเป็นราคาที่สมควรขายได้ เจ้าพนักงานบังคับคดีก็ชอบที่จะเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุดในครั้งหลังนี้ไปได้เลย โดยไม่จำต้องฟังว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีจะคัดค้านว่าราคาต่ำไปหรือไม่อีก ทั้งนี้เพื่อให้การบังคับคดีดำเนินต่อไปได้โดยไม่ชักช้า หาได้มีความหมายว่าในการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวในครั้งถัด ๆ มา เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุดในจำนวนไม่น้อยกว่าราคาสูงสุดที่มีผู้เสนอซื้อในครั้งก่อนไม่ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายทรัพย์จำนองรายนี้ให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ในราคาที่น้อยกว่าราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อทรัพย์เสนอซื้อไว้ในครั้งก่อน จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของมาตรา 309 ทวิ วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาและคำบังคับให้จำเลยใช้เงินจำนวน ๕,๒๙๑,๑๒๓.๐๖ บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๘.๕ ต่อปี ในต้นเงินจำนวน ๔,๓๑๙,๙๗๖.๐๓ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยไม่ชำระหนี้ดังกล่าวให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๐๗๙๑ และ ๓๐๗๙๒ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้าง (ของจำเลย) ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ ๕,๐๐๐ บาท แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๐๗๙๑ และ ๓๐๗๙๒ พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยเพื่อนำออกขายทอดตลาด ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์จำนองดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ไปในราคาแปลงละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวม ๒ แปลง เป็นเงินจำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โจทก์ยื่นคำร้องว่า ที่ดินทั้งสองแปลงที่ขายทอดตลาดมีอาคารพาณิชย์ปลูกอยู่และมีเนื้อที่ ๒๑๐ ตารางวา ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย มีสาธารณูปโภคครบถ้วน มีราคาซื้อขายในภาวะปัจจุบัน ๓,๒๐๐,๐๐๐ บาท ราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์จึงต่ำเกินไป นอกจากนี้ในการขายทอดตลาดทรัพย์ในครั้งก่อนมีผู้เสนอราคาซื้อไว้ ๒,๐๒๐,๐๐๐ บาท โจทก์คัดค้านราคา เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงให้งดการขาย ดังนั้น การขายทอดตลาดครั้งนี้ราคาที่เหมาะสมจะต้องไม่น้อยกว่า ๒,๐๒๐,๐๐๐ บาท การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายไปในราคา ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๙ ทวิ วรรคหนึ่ง ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดครั้งนี้แล้วมีคำสั่งให้ขายทอดตลาดใหม่
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๐๗๙๑ และ ๓๐๗๙๒ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดใหม่ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ซื้อทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นที่ยุติได้ว่า เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๓๗ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดิน ๒ แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยตามคำฟ้องเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาไว้แปลงละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท การขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวในครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๔๓ นางสาวแคทรีน่า วรรณศักดา ผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้เสนอราคาสูงสุดแปลงละ ๑,๐๑๐,๐๐๐ บาท โจทก์คัดค้านราคาว่าควรขายในราคาแปลงละ ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงให้เลื่อนการขายและให้โจทก์หาผู้มาสู้ราคาในการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองครั้งต่อไปในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๔๓ เมื่อถึงวันนัดขายทอดตลาดดังกล่าวโจทก์และจำเลยไม่มา นางสาวแคทรีน่าผู้ซื้อทรัพย์ได้เสนอราคาสูงสุดเพียงแปลงละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาที่เสนอซื้อในครั้งก่อน แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้เคาะไม้ขายทอดตลาดทรัพย์จำนองดังกล่าว ต่อมาวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๓ โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองดังกล่าวข้างต้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ข้อแรกว่า การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายทอดตลาดทรัพย์จำนองให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ในราคาต่ำกว่าราคาที่ผู้ซื้อทรัพย์เสนอซื้อไว้ในการขายทอดตลาดครั้งก่อนนั้น เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๙ ทวิ วรรคหนึ่ง ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒ หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๙ ทวิ วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติไว้ว่า “ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุดที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าเป็นราคาที่สมควรขายได้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีอาจคัดค้านว่าราคาดังกล่าวมีจำนวนต่ำเกินสมควร ในกรณีเช่นนี้ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเลื่อนการขายทอดตลาดทรัพย์สินไป และในการขายทอดตลาดทรัพย์สินครั้งต่อ ๆ ไป หากมีผู้เสนอราคาสูงสุดในจำนวนไม่น้อยกว่าจำนวนที่ผู้เสนอราคาสูงสุดได้เสนอในการขายทอดตลาดทรัพย์สินครั้งก่อน ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคานั้นได้” ตามบทบัญญัติดังกล่าวย่อมมีความหมายแต่เพียงว่า ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาในครั้งถัด ๆ มานั้น หากมีผู้ซื้อทรัพย์เสนอราคาสูงสุดไม่น้อยกว่าราคาสูงสุดในครั้งก่อนที่มีผู้เสนอซื้อไว้ และเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าเป็นราคาที่สมควรขายได้ เจ้าพนักงานบังคับคดีก็ชอบที่จะเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุดในครั้งหลังนี้ไปได้เลย โดยไม่จำต้องฟังว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีจะคัดค้านว่าราคาต่ำไปหรือไม่อีก ทั้งนี้เพื่อให้การบังคับคดีดำเนินต่อไปได้โดยไม่ชักช้า หาได้มีความหมายว่าในการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวในครั้งถัด ๆ มา เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องเคาะไม้ขายให้แก่ผู้เสนอราคาสูงสุดในจำนวนไม่น้อยกว่าราคาสูงสุดที่มีผู้เสนอซื้อในครั้งก่อนดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัยไม่ หากแปลความบทบัญญัติดังกล่าวดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัย ก็อาจเกิดข้อขัดข้องในการบังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนี้ได้ เช่น ในกรณีที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ย่อมมีผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ที่ดินมีราคาตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในการขายทอดตลาดทรัพย์ในครั้งถัด ๆ มา จึงอาจไม่มีผู้ใดมาเสนอซื้อทรัพย์รายนี้ในราคาที่ไม่น้อยกว่าราคาสูงสุดที่มีผู้เสนอซื้อไว้ในครั้งก่อนได้ เจ้าพนักงานบังคับคดีก็จะไม่สามารถเคาะไม้ขายทรัพย์รายนี้ได้เลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปช้านานเท่าใด หากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น หรือมิฉะนั้นหากลูกหนี้ตามคำพิพากษาต้องการประวิงการขายทอดตลาดทรัพย์ของตนก็อาจสมคบกับบุคคลภายนอกให้มาเสนอซื้อทรัพย์ไว้ในราคาที่สูงกว่าราคาปกติมาก ๆ แล้วลูกหนี้ตามคำพิพากษาคัดค้านราคาดังกล่าวว่าต่ำเกินสมควร ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีก็จะต้องเลื่อนการขายทอดตลาดไปตามที่มาตรา ๓๐๙ ทวิ วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าในการขายทอดตลาดครั้งถัด ๆ ไป เป็นการยากที่จะมีผู้มาเสนอซื้อทรัพย์ในราคาที่ไม่น้อยกว่าราคาทรัพย์ที่มีผู้สร้างราคาซื้อขายไว้ในครั้งก่อนได้ หากเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีอำนาจใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าราคาที่ผู้เสนอซื้อครั้งหลังเป็นราคาที่สมควรหรือไม่ และไม่มีอำนาจเคาะไม้ขายหากเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาที่มีผู้เสนอซื้อไว้ในครั้งก่อน การขายทอดตลาดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาก็จะเนิ่นช้าไปโดยไม่มีกำหนด ซึ่งตามเจตนารมณ์ของกฎหมายไม่น่าจะประสงค์ให้เกิดผลเช่นนั้น ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายทรัพย์จำนองรายนี้ให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ในราคาที่น้อยกว่าราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อทรัพย์เสนอซื้อไว้ในครั้งก่อน จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของมาตรา ๓๐๙ ทวิ วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัยว่า การขายทอดตลาดทรัพย์จำนองรายนี้ของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวแล้วพิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองรายนี้ จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ได้ยกปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยเองแล้วพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีโดยยังมิได้วินิจฉัยปัญหาข้ออื่นตามอุทธรณ์ของโจทก์และคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับการคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาว่าขายไปในราคาต่ำเกินสมควร การวินิจฉัยปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ อาจมีผลทำให้คดีต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๙ ทวิ วรรคสุดท้าย จึงเห็นสมควรให้ส่งสำนวนคืนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค ๒ เพื่อให้พิจารณาพิพากษาใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๓ (๑) ประกอบด้วยมาตรา ๒๔๗ ปัญหาข้ออื่นตามฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ไม่จำต้องวินิจฉัยอีกต่อไป
อนึ่ง คดีนี้ศาลชั้นต้นมิได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นให้ถูกต้องครบถ้วน เห็นสมควรให้ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่ด้วย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ให้ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่.

Share