คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ปกครองทางด้าน การแสดงภาพยนตร์และเป็นเจ้าของไข้ ของ จ. ได้ กล่าวต่อ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์จำเลยที่ ๒ว่า “นอกจากไม่นับถือ ไม่เชื่อถือแล้ว ยังเห็นว่าศิษย์ ตถาคตผู้นุ่งเหลืองห่ม เหลือง ประพฤติตัว ไม่อยู่ในสมณ วิสัยด้วย” และ”ทุก ๆ วันที่ปัญหาเดือดร้อนรำคาญมากกับหมอ เถื่อน หมอ ดี ทั้งที่เป็นฆราวาส ทั้งห่ม ผ้าเหลือง วันหนึ่ง ๆ มีเป็นสิบ ๆ คนไปรออยู่หน้าห้อง กล้องถ่ายรูปก็พร้อม เรา ก็กันไว้ไม่ให้ไป เพราะการรักษาควรจะเป็นเรื่องของแพทย์ เปิ้ล จะหายหรือไม่ก็อยู่ที่หมอ ไม่ใช่อยู่กับคนที่ยืนสวดมนต์ ชักลูกประคำพวกนี้ อยากจะบอกฝากไปถึงด้วยว่าถ้า อยากดัง นัก ก็ขอให้ไปดัง ที่อื่น คนป่วยของผมต้องการพักผ่อนอย่าได้ ไปรบกวนกันเลย” การที่จำเลยที่ ๑ กล่าวเช่นนั้นเนื่องจากโจทก์ซึ่ง เป็นพระภิกษุได้ ไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ให้แก่ จ. ซึ่ง ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง ขนาดแพทย์ห้ามเยี่ยมในห้องพักคนไข้ ของโรงพยาบาลที่ จ. นอนพักรักษาตัว อยู่ชิด เตียง ที่ จ. นอนป่วยอันเป็นสิ่งไม่ควรปฏิบัติตามวิสัยของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา อันมีเหตุให้จำเลยที่ ๑ เชื่อ โดยสุจริตว่าการกระทำของโจทก์มิใช่กิจ อันอยู่ในสมณ วิสัย จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตน ตาม คลองธรรม หรือติชมด้วย ความเป็นธรรมซึ่ง การประพฤติปฏิบัติของพระภิกษุในศาสนาประจำชาติ อันเป็นวิสัยของจำเลยที่ ๑ ชอบที่จะกระทำได้ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๓๒๙(๑) (๓) จำเลยที่ ๑ จึงไม่มีความผิดฐาน หมิ่นประมาท ส่วนจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ซึ่ง เป็นเจ้าของและเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่ลงข้อความดังกล่าวจึงไม่มีความผิดด้วย.

Share