แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 แล้ว แต่คดีมีปัญหาเฉพาะขั้นตอนการขายทอดตลาดซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับโจทก์หรือผู้แทนโจทก์ แม้จำเลยร้องขอ ให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและขายทอดตลาดใหม่และศาลฎีกาเห็นว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดไปโดยไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบคำสั่งของศาลที่อนุญาตให้ขายทอดตลาด และวันขายทอดตลาด จึงพิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาด และขายทอดตลาดใหม่ แม้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ให้คู่ความฟังเมื่อเกิน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ไม่กระทบถึงสิทธิของโจทก์ที่จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดี ทำการขายทอดตลาดใหม่ต่อไปตามคำพิพากษาศาลฎีกา
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด และขายทอดตลาดใหม่ ศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 3543/2535 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2535 ยืนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นให้ยกเลิกการขายทอดตลาดและให้ขายทอดตลาดใหม่ ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 588 และโฉนดเลขที่ 591พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ครั้งสุดท้ายกำหนดขายทอดตลาดในวันที่ 23 มิถุนายน 2540
จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องว่า ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมคดีนี้เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2523 และโจทก์ทำการบังคับคดีโดยนำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 588 และโฉนดเลขที่ 591 และสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2524 เมื่อนับระยะเวลาตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำการยึดทรัพย์จนมีประกาศขายทอดตลาดในวันที่ 23มิถุนายน 2540 เป็นระยะเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์หมดสิทธิจะบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสาม กำหนดระยะเวลาบังคับคดีให้เสร็จสิ้นภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษามิใช่เป็นกำหนดอายุความตามกฎหมาย การที่ศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนการขายทอดตลาดมิใช่เป็นกรณีที่อายุความสะดุดหยุดลง การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้เพิกถอนการบังคับคดีและคืนทรัพย์สินที่ยึดแก่จำเลยที่ 3
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีกฎหมายกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีไว้ ยังไม่มีเหตุที่จะต้องเพิกถอนการบังคับคดี ยกคำร้อง
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 ฎีกาข้อเดียวว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการบังคับคดีให้เสร็จภายใน10 ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา โจทก์จึงหมดสิทธิบังคับคดีกับจำเลยที่ 3 ต่อไป ปรากฏว่าข้อเท็จจริงฟังได้ตามท้องสำนวนว่าศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาวันที่ 4 ธันวาคม 2523 โจทก์ได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2524หลังจากนั้น ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์จำเลยที่ 3และต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำทรัพย์ดังกล่าวออกขายทอดตลาดนัดแรกวันที่ 16 มิถุนายน 2525 และนัดสุดท้ายขายทอดตลาดได้ในวันที่ 29 สิงหาคม 2529 โดยนายสุวิทย์ แก้วศักดาเป็นผู้ซื้อได้ แต่จำเลยที่ 3 ได้ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและขายทอดตลาดใหม่ ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและขายทอดตลาดใหม่ เห็นว่าตามข้อเท็จจริงข้างต้นโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 แล้ว คดีนี้มีปัญหาเฉพาะขั้นตอนการขายทอดตลาด ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับโจทก์หรือผู้แทนโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 3ร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและขายทอดตลาดใหม่ และศาลฎีกาเห็นว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดไปโดยไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบคำสั่งของศาลที่อนุญาตให้ขายทอดตลาดและวันขายทอดตลาด จึงพิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและขายทอดตลาดใหม่ ซึ่งศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2536 แม้จะเกิน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ไม่กระทบถึงสิทธิของโจทก์ที่จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกา
พิพากษายืน