คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1935/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในกรณีเป็นผู้เสพยาเสพติดนั้น ย่อมเกิดผลร้ายแก่ตัวผู้เสพซึ่งพึงต้องได้รับการเยียวยาแก้ไขเป็นเบื้องต้นส่วนปัญหาที่โจทก์อ้างว่าเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรมนั้นเป็นเพียงแนวโน้มซึ่งมิได้เป็นจริงทุกกรณี ตราบใดที่ผู้เสพติดยังมิได้กระทำการใดขึ้นเป็นการก่ออาชญากรรมการลงโทษรุนแรงไว้ก่อนย่อมเป็นดังการลงโทษล่วงหน้าสำหรับความผิดที่ยังมิได้เกิด เป็นการลงโทษที่ขัดต่อหลักนิติธรรม เป็นนโยบายการป้องกันที่ผิดและสร้างปัญหาให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเท็จจริงแห่งคดีไม่ปรากฏว่าจำเลยมีการกระทำที่เป็นส่วนแห่งการก่ออาชญากรรม หรือมีส่วนสนับสนุนแพร่กระจายยาเสพติด เหตุผลต่าง ๆ ที่โจทก์อ้างในฎีกาจึงเป็นการสรุปที่ให้ผลร้ายแก่จำเลยที่ เกินเหตุไม่อาจรับฟังเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของศาลล่างทั้งสอง ที่ให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำนวน 12 เม็ด น้ำหนักรวม 0.72 กรัม ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและไม่ได้ยกเว้นตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 62, 106
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 วรรคหนึ่ง ลงโทษจำคุก 3 ปี และปรับ 60,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 30,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยรับโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 กำหนดเงื่อนไขให้คุมประพฤติจำเลยไว้โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับวัตถุที่ออกฤทธิ์และยาเสพติดให้โทษทุกชนิด ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษหนักขึ้นและไม่รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่โจทก์ฎีกาขอมิให้รอการลงโทษนั้นเห็นว่า ในกรณีเป็นผู้เสพยาเสพติดนั้น ย่อมเกิดผลร้ายแก่ตัวผู้เสพซึ่งพึงต้องได้รับการเยียวยาแก้ไขเบื้องต้น ส่วนปัญหาที่โจทก์อ้างว่าเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรมนั้น เป็นเพียงแนวโน้มซึ่งมิได้เป็นจริงทุกกรณี ตราบใดที่ผู้เสพติดยังมิได้กระทำการใดขึ้นเป็นการก่ออาชญากรรม การลงโทษรุนแรงไว้ก่อนย่อมเป็นดั่งการลงโทษล่วงหน้าสำหรับความผิดที่ยังมิได้เกิดเป็นการลงโทษที่ขัดต่อหลักนิติธรรมเป็นนโยบายการป้องกันที่ผิดและสร้างปัญหาให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเท็จจริงแห่งคดีไม่ปรากฏว่าจำเลยมีการกระทำที่เป็นส่วนแห่งการก่ออาชญากรรมหรือมีส่วนสนับสนุนแพร่กระจายยาเสพติด เหตุผลต่าง ๆที่โจทก์อ้างในฎีกาจึงเป็นการสรุปที่ให้ผลร้ายแก่จำเลยที่เกินเหตุ ไม่อาจรับฟังเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของศาลล่างทั้งสอง ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share