คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5714/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 แม้จะเป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยในเรื่องที่ขอให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยต่อไป มิใช่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ตาม จำเลยก็ต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาหลักประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง เพราะการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยกระทำขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว เมื่อมีการอุทธรณ์เช่นนี้ย่อมทำให้การบังคับคดีต้องล่าช้าออกไป อาจเสียหายแก่โจทก์ผู้ชนะคดีได้ จำเลยผู้อุทธรณ์จึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวให้ครบถ้วน เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบังคับให้ผู้อุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 234 ศาลอุทธรณ์จึงไม่อาจพิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นของจำเลยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้ ต้องยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยเสีย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 3,759,430 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ25,000 บาท จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่งดสืบพยานโจทก์จำเลยโดยให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและให้สืบพยานต่อไป จำเลยต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 เมื่อจำเลยไม่นำค่าธรรมเนียมมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าเป็นกรณีผู้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 จึงมีคำสั่งให้ผู้อุทธรณ์นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวัน ต่อมาเมื่อครบกำหนดสิบห้าวันแล้วเจ้าหน้าที่รายงานต่อศาลว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลดังกล่าว ศาลชั้นต้นจึงให้ส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้ว เมื่อจำเลยไม่นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลย่อมเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์(น่าจะเป็นทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์) ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา จำเลยจึงไม่ต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติว่า ถ้าศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งศาลนั้น ไปยังศาลอุทธรณ์โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้น และนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง เห็นว่า การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าวนั้น แม้จะเป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยในเรื่องที่ขอให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยต่อไปมิใช่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ตาม จำเลยก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวคือ จำเลยต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง หาใช่ไม่ต้องนำเงินมาชำระหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลดังที่จำเลยฎีกาไม่ เพราะการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยกระทำขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว เมื่อมีการอุทธรณ์เช่นนี้ ย่อมทำให้การบังคับคดีต้องล่าช้าออกไป อาจเสียหายแก่โจทก์ผู้ชนะคดีได้ จำเลยผู้อุทธรณ์จึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวให้ครบถ้วน เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามตามบทบังคับให้ผู้อุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 ศาลอุทธรณ์จึงไม่อาจพิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นของจำเลยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้ ต้องยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยเสีย เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 เป็นบทบังคับให้ผู้อุทธรณ์ต้องปฏิบัติ หาใช่เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะต้องแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบถึงหน้าที่ดังกล่าวซึ่งบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดแต่อย่างใดไม่ เพราะแม้กรณีนี้หากศาลชั้นต้นส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไปยังศาลอุทธรณ์ทันทีโดยมิได้กำหนดเวลาให้จำเลยวางเงินเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ก็เป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว หาเป็นการผิดระเบียบแต่อย่างใดไม่ดังนั้น การที่จำเลยเพิกเฉยไม่นำค่าฤชาธรรมเนียมและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลในเวลาที่ศาลกำหนดเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ประกอบด้วยมาตรา 246 ก็ตาม ก็ไม่ใช่หลักของข้อวินิจฉัยในคดีนี้ซึ่งต้องพิจารณาเรื่องที่จำเลยผู้อุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตามบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234โดยตรง จึงต้องสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยเสีย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นของจำเลย

Share