คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5702/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำความผิดของจำเลยที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษในฐานรับของโจรว่า จำเลยได้ครอบครองและนำเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายไปจำนำที่โรงรับจำนำโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็น ทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ ดังนั้น ที่ศาลล่างเชื่อว่าจำเลยนำเอาเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายไปจำนำโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจาก การกระทำความผิด และลงโทษจำเลยฐานรับของโจร จึงมิใช่เป็นการนำข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวในฟ้องหรือที่โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษมาลงโทษจำเลย
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้รับของโจรโดยช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียและรับไว้ซึ่งเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายนั้นเป็นการบรรยายความเห็นของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานรับของโจรเพราะเหตุใด มิใช่เป็นการบรรยายในส่วนของการกระทำของจำเลยที่ประสงค์จะให้นำไปพิจารณาว่า เป็นความผิดหรือไม่ ดังนั้นแม้โจทก์จะไม่บรรยายว่าการจำนำเป็นการช่วยจำหน่าย ก็ไม่ถือว่าโจทก์บรรยายฟ้องไม่ ครบองค์ประกอบของความผิด
โจทก์ขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เครื่องรับโทรทัศน์สีแก่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 แต่ค่าไถ่ที่ผู้เสียหายเสียไป มิใช่ทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดฐานรับของโจรของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเพราะมิใช่เป็นการคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามคำขอของโจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๒๙ ได้มีคนร้ายงัดหน้าต่างห้องนอนของนาย จ.ผู้เสียหายแล้วลักเครื่องรับโทรทัศน์สี๑ เครื่องราคา ๘,๐๐๐ บาท ของผู้เสียหายของนาย จ.ผู้เสียหายไปโดยทุจริต ต่อมาวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๒๙ จำเลยครอบครองและนำเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปดังกล่าวไปจำนำที่โรงรับจำนำในราคา ๑,๕๐๐ บาท เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมตั๋วจำนำเครื่องรับโทรทัศน์สีดังกล่าว ทั้งนี้จำเลยได้ลักทรัพย์ของผู้เสียหายดังกล่าว หรือมิฉะนั้น จำเลยได้รับของโจรโดยช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสีย และรับไว้ซึ่งเครื่องรับโทรทัศน์สี ๑ เครื่องของผู้เสียหายโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕ (๓)(๔)(๘), ๓๕๗ และให้จำเลยคืนหรือชดใช้ราคาเครื่องรับโทรทัศน์สี ๑ เครื่องราคา ๘,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ (ที่ถูกมาตรา ๓๕๗ วรรคแรก) ให้จำคุก๒ ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสี่คงจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ให้จำเลยใช้เงิน ๑,๕๕๐ บาท แก่ผู้เสียหายอ้างว่าได้ไถ่จำนำโทรทัศน์ดังกล่าวคืนมาแล้วในราคา ๑,๕๕๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาสั่งให้รับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์ไม่ครบองค์ประกอบความผิด ศาลพิพากษาลงโทษในข้อที่โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษ และศาลไม่มีอำนาจพิพากษาให้จำเลยใช้เงินค่าไถ่ถอนจำนำแก่ผู้เสียหาย แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำความผิดของจำเลยที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษในฐานรับของโจรว่าจำเลยได้ครอบครองและนำเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายไปจำนำที่โรงรับจำนำโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ การกระทำของจำเลยคือการครอบครองและนำไปจำนำดังนั้นที่ศาลล่างทั้งสองเชื่อว่าจำเลยนำเอาเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายไปจำนำโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด และลงโทษจำเลยฐานรับของโจรจึงมิใช่เป็นการนำข้อเท็จจริงที่มิได้กล่าวฟ้องหรือที่โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษมาลงโทษจำเลยแต่ประการใด ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้รับของโจรโดยช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสียและรับไว้ซึ่งเครื่องรับโทรทัศน์สีของผู้เสียหายนั้น เป็นการบรรยายความเห็นของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานรับของโจรเพราะเหตุใด มิใช่เป็นการบรรยายในส่วนของการกระทำของจำเลยที่ประสงค์จะให้นำไปพิจารณาว่าเป็นความผิดหรือไม่ ดังนั้น แม้โจทก์จะไม่บรรยายว่าการจำนำเป็นการช่วยจำหน่าย ก็ไม่ถือว่าโจทก์บรรยายฟ้องไม่ครบองค์ประกอบของความผิด ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่าที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยใช้เงินค่าไถ่ถอนจำนำแก่ผู้เสียหายนั้น มีอำนาจที่จะพิพากษาได้หรือไม่ คดีนี้โจทก์ได้ขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เครื่องรับโทรทัศน์สีแก่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๓ แต่ค่าไถ่ที่ผู้เสียหายเสียไปมิใช่ทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดฐานรับของโจรของจำเลยจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเพราะมิใช่เป็นการคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามคำขอของโจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยใช้เงิน๑,๕๕๐ บาท แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ลงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share